แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้รับจำนองฟ้องเรียกต้นเงินจำนอง จำเลยนำเงินมาวางครบแล้ว ภายหลังผู้รับจำนองฟ้องเรียกดอกเบี้ยการจำนองจากผู้รับทรัพย์จำนองนั้นอีกได้
ย่อยาว
เดิมนายซิมเต็งฮั้วจำนองเรือ ๔ ลำไว้แก่โจทก์ ต่อมานายซิมเต็งฮั้วโอนเรือโป๊ะจ้ายย่งฮั้วเฮงให้แก่นายเป๊กจือ เรือกลไฟอั้งเต็งและนำเต็งให้แ่นายเฮียนเจ็ง ต้นเงินและดอกเบี้ยจำนองค้างชำระ โจทก์ได้ฟ้องเรียกฉะเพาะต้นเงินจำนองจากผู้รับโอนทั้ง ๒ นั้น ในที่สุดผู้รับโอนได้ยอมวางต้นเงินที่ฟ้องเรียกนั้นทั้งหมด โจทก์ได้รับเงินไปจากศาลแล้ว ต่อมาผู้รับโอนทั้ง ๒ นั้นต่างได้โอนเรือให้แก่จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ตามลำดับ บัดนี้โจทก์มาฟ้องเรียกดอกเบี้ยจำนองที่ค้างชำระจากจำเลยทั้ง ๒ นี้
ศาลแพ่งพิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิบังคับจำนองเอาเงินรายนี้ได้จากจำเลย จึงให้จำเลยใช้เงิน ถ้าไม่ใช้ให้ยึดเรือขายทอดตลาดใช้หนี้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์ได้ฟ้องคดีก่อนในทางบังคับให้ไถ่ถอนแล้ว สัญญาจำนองย่อมระงับไป จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าได้ดูคดีเดิมแล้วไม่ปรากฏว่าโจทก์สละสิทธิเรียกดอกเบี้ย การจำนองจึงยังไม่ระงับไปตามมาตรา ๗๔๔(๕) และยังไม่มีการแก้ทะเบียนจำนองโจทก์จึงติตามเอากับเรือที่จำนองไว้ได้ จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น