คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 840/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ได้ความว่าโจทก์ใช้แบบฟอร์มศาล(9 ทวิ) ใบมอบฉันทะเขียนเป็นใบมอบอำนาจให้ฟ้องความโดยเขียนระบุข้อความไว้ชัดเจนในเอกสารที่เขียนเป็นใบมอบอำนาจว่าให้ผู้มีชื่อเป็นผู้ฟ้องเรื่องนี้แทนโจทก์โดยมีข้อความว่า “ข้าพเจ้า ฯลฯ มอบอำนาจให้ (ระบุชื่อผู้รับมอบ) ทำการฟ้อง (ระบุชื่อผู้ถูกฟ้องฐาน ข้อหาที่ฟ้อง) ต่อศาลแทนข้าพเจ้าและให้ดำเนินคดีต่อไปจนถึงที่สุดเพราะข้าพเจ้าอยู่ต่างจังหวัดไม่สดวกที่จะมาดำเนินคดีได้ “ลงชื่อผู้มอบ ผู้รับมอบ และพยานและมีอากรแสตมป์ จำนวนเงิน 5 บาท ปิดในเอกสารนั้น เช่นนี้ถือว่าเป็นการมอบอำนาจที่สมบูรณ์ตาม ก.ม.แล้ว
ในกรณีที่โจทก์อ้างภาพถ่ายห้องพิพาทเป็นพยานถือว่าเป็นภาพจำลองไม่ใช่พยานเอกสารอันจะต้องส่งสำเนาให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก่อนวันสืบพยานดังบังคับไว้ใน ป.วิ.แพ่ง ม.90 ดังนั้นโจทก์ผู้อ้างจึงไม่ต้องส่งสำเนาให้แก่จำเลยก่อนวันสืบพยาน.

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับขับไล่จำเลยกับบริวารออกไปจากห้องที่จำเลยทั้งสองได้เช่าไปจากโจทก์เพื่อประกอบการค้าและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน ๓๐๐ บาท และต่อไปเดือนละ ๑๕ บาท จนกว่าจะออกไปจากห้อง
จำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยเช่าห้องพิพาทละตรอกทางเดินเพื่ออยู่อาศัยได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ โจทก์ไม่เคยบอกเลิกสัญญาเช่า ไม่มีอำนาจฟ้องและไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากห้องพิพาทและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ ๑๕ บาท นับแต่วันละเมิดจนกว่าจะออกจากห้องพิพาท กับให้ใช้ค่าธรรมเนียมค่าทนาย ๑๐๐ บาทแทนโจทก์ด้วย
จำเลยอุทธรณ์คัดค้านเป็นปัญหาข้อ ก.ม.ว่า
ก.โจทก์มอบอำนาจให้นายถนอม สุขกวี เป็นผู้ฟ้องความตามใบมอบอำนาจของโจทก์นั้นเป็นใบมอบอำนาจที่ไม่สมบูรณ์ตาม ก.ม.
ข.การเช่าของจำเลยได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ
ค.รูปถ่ายที่โจทก์อ้างเป็นพยานเป็นพยานเอกสารชนิดหนึ่ง โจทก์มิได้ส่งสำเนาให้แก่จำเลยก่อนวันนัดพิจารณา ๓ วัน จะรับฟังเป็นพยานประกอบคดีนี้ไม่ได้
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยปัญหาข้อ ก.ข.ค.แล้วพิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนและประชุมปรึกษาคดีแล้วในปัญหาข้อ ก. เรื่องใบมอบอำนาจไม่สมบูรณ์เห็นว่าโจทก์ได้ระบุข้อความไว้ชัดเจนในเอกสารที่เขียนเป็นใบมอบอำนาจว่าให้นายถนอม สุขกวี เป็นผู้ฟ้องเรื่องนี้แทนโจทก์ คือมีข้อความว่า “ข้าพเจ้า ฯลฯ มอบอำนาจให้นายถนอม สุขกวี ทำการฟ้องนายโกหรือหยิว นางจันทร์ แซ่เฮง ฐานขับไล่และละเมิดออกจากห้องเช่าเลขที่ ๘๗๘ ต่อศาลแทนข้าพเจ้า และให้ดำเนินคดีต่อไปจนถึงที่สุด เพราะข้าพเจ้าอยู่ต่างจังหวัดไม่สดวกที่จะมาดำเนินคดีได้” ลงชื่อผู้มอบ ผู้รับมอบ และพยานและมีอากรแสตมป์จำนวนเงิน ๕ บาท ปิดในเอกสารนั้น แม้โจทก์จะใช้แบบฟอร์มศาล (๙ ทวิ) ใบมอบฉันทะเขียนเป็นใบมอบอำนาจก็เป็นการมอบอำนาจที่สมบูรณ์ ตาม ก.ม.
สำหรับปัญหาข้อ ข. เรื่องการเช่าของจำเลยได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ เห็นว่าตามข้อเท็จจริงได้ความว่าห้องเช่ารายนี้ตั้งอยู่ในทำเลการค้าแม้ในชั้นแรกจำเลยได้เช่าเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย แต่ในชั้นหลังได้เปลี่ยนวัตถุประสงค์แห่งการเช่า โดยใช้สถานที่เช่าประกอบการค้าโดยลำดับมา จำเลยย่อมไม่ได้รับความคุ้มครอง ตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ กรณีดังนี้ศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้แล้วตามคำพิพากษาฎีกาที่ ๖๒๔,๖๒๖,๖๒๗,๖๒๘,๖๒๕/๒๔๙๕ คดีระหว่างนายฉวี โกมลกิติ กับพวก โจทก์ นายท่องอัน แซ่คู กับพวก จำเลย
ส่วนปัญหาข้อ ค. เรื่องรูปถ่ายทีโจทก์อ้างเป็นพยาน รับฟังเป็นพยานประกอบคดีไม่ได้นั้นเห็นว่า ภาพถ่ายห้องพิพาทที่โจทก์อ้างเป็นพยานเป็นภาพจำลองวัตถุ ไม่ใช่พยานเอกสารอันจะต้องส่งสำเนาให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก่อนวันสืบพยานดังบังคับไว้ใน ม.๙๐ ป.วิ.แพ่ง โจทก์ผู้อ้างจึงไม่ต้องส่งสำเนาให้แก่จำเลยก่อนวันสืบพยาน
ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้นทุกประการ ศาลล่างพิพากษาชอบแล้ว จึงพิพากษายืน.

Share