คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 837/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีเจตนา จะฆ่านายรอก แต่มาฆ่านายอ่อนเพราะสำคัญผิดว่านายอ่อนคือนายรอก แม้ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยไม่ได้ฆ่าเพราะสำคัญผิด ก็ลงโทษได้ เพราะไม่ใช่ข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญต่างกับฟ้อง ข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญอยู่ที่ว่า จำเลยที่ ได้ฆ่าผู้ตายหรือไม่ ส่วนจะฆ่าโดยสำคัญผิดหรือไม่สำคัญผิดนั้น เป็นเพียงเหตุประกอบแห่งการฆ่าเท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ – ๒ สมคบกับพวกจะฆ่านายรอกให้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จำเลยกับพวกจึงใช้ปืนยิงนายอ่อน โดยสำคัญผิดว่าเป็นนายรอก กระสุนปืนถูกนายอ่อนตาย จำเลยที่ ๓ เป็นผู้สนับสนุนโดยชี้ช่องทางเข้าออกบ้านนายรอกให้จำเลยที่ ๑ – ๒ ขอให้ลงโทษ
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยที่ ๑ – ๒ ใช้ปืนยิงนายอ่อนตาย แต่ไม่แน่ชัดว่าจำเลยไตร่ตรองไว้ก่อน ส่วนจำเลยที่ ๓ ไม่มีพยานโจทก์แสดงว่าเป็นผู้ชี้ช่องทางและให้ความสดวกแก่จำเลย ที่ ๑ – ๒ พิพากษาจำเลยที่ ๑ – ๒ ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ จำคุกคนละ ๒๐ ปี ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๓
จำเลยที่ ๑ – ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงอย่างเดียวกับศาลชั้นต้น แต่เห็นว่าจำเลยที่ ๑ – ๒ รับสารภาพ ชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่ทางพิจารณา ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คนละ ๕ ปี คงจำคุกจำเลยที่ ๑ – ๒ คนละ ๑๕ ปี
จำเลยที่ ๑ – ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงอย่างศาลล่าง ส่วนที่จำเลยที่ ๑ – ๒ ฎีกาว่า โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ – ๒ มีเจตนา จะฆ่านายรอก แต่มาฆ่านายอ่อนเพราะสำคัญผิดว่านายอ่อนคือ นายรอก แม้ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยที่ ๑ – ๒ ไม่ได้ฆ่าเพราะสำคัญผิด จึงถือว่าทางพิจารณาต่างกับฟ้อง ควรยกฟ้องนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าข้อนี้ไม่ใช่ข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญต่างกับฟ้องข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญอยู่ที่ว่า จำเลยที่ ๑-๒ ได้ฆ่าผู้ตายหรือไม่ ส่วนจะฆ่าโดยสำคัญผิดหรือไม่สำคัญผิดนั้น เป็นเพียงเหตุประกอบแห่งการฆ่า
พิพากษายืน

Share