แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
คดีก่อนห้างหุ้นส่วนจำกัด อ. และโจทก์คดีนี้เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองคดีนี้ในเรื่องจ้างทำของและตัวแทนโดยอ้างว่า จำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยที่ 1 ว่าจ้างโจทก์แล้วผิดนัดไม่ชำระค่าจ้าง เมื่อศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้มอบหมายให้จำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนในการว่าจ้างพิมพ์งานกับโจทก์ทั้งสอง แต่จำเลยที่ 1 ได้ว่าจ้างให้บริษัท ด. จัดทำ ส่วนบริษัท ด. จะนำงานไปให้โจทก์ทั้งสองจัดทำหรือไม่เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 1 ไม่ได้รับรู้ด้วย จำเลยที่ 1 ไม่มีนิติสัมพันธ์หรือมีหนี้ที่ต้องชำระให้แก่โจทก์ทั้งสอง จำเลยที่ 1 ได้ชำระเงินค่าว่าจ้างให้แก่บริษัท ด. ไปแล้ว พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีนี้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ได้เป็นผู้ทำบันทึกว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ติดต่อว่าจ้างโจทก์ทำสิ่งพิมพ์ให้แก่จำเลยที่ 1 แต่จำเลยที่ 1 ได้ชำระเงินค่าจ้างให้แก่บริษัท ด. ซึ่งเป็นบริษัทของจำเลยที่ 2 และเหตุที่โจทก์ไม่ได้รับเงินค่าจ้าง เพราะจำเลยที่ 2 กระทำละเมิดโจทก์โดยการนำสิ่งพิมพ์ที่โจทก์เป็นผู้ทำไปทำหลักฐานใบเสร็จรับเงินในนามบริษัท ด. แล้วไปรับเงินจากจำเลยที่ 1 การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นละเมิดในทางการที่จ้าง แม้โจทก์จะฟ้องจำเลยทั้งสองเรื่องละเมิดในทางการที่จ้าง แต่ตามเนื้อหาที่โจทก์ฟ้องเป็นเรื่องที่โจทก์โต้เถียงถึงเหตุที่โจทก์ยังไม่ได้รับเงินค่าจ้างจากจำเลยที่ 1 ในมูลหนี้การว่าจ้างพิมพ์งานในจำนวนเดียวกันซึ่งเป็นการโต้เถียงประเด็นเดียวกันกับประเด็นในคดีก่อนและคดีถึงที่สุด ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องซ้ำตาม ป.วิ.พ. มาตรา 148
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัดมีนางนงลักษณ์ เทพมหัสศิลป์ หุ้นส่วนผู้จัดการมีอำนาจกระทำการแทนห้างโจทก์ นางนงลักษณ์นอกจากเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างโจทก์แล้วยังเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด เอ็นเพรส จำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 นอกจากเป็นนายจ้างและมีความสัมพันธ์กับจำเลยที่ 2 ตามสัญญาจ้างแรงงานแล้วยังเป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 2 มีหน้าที่ดูแลจำเลยที่ 2 และรักษาวินัยตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยที่ 2 อย่างเคร่งครัด ซึ่งรวมถึงการดูแลป้องกันไม่ให้จำเลยที่ 2 เป็นตัวกระทำการในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทใด ๆ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากจำเลยที่ 1 เมื่อประมาณเดือนมิถุนายน 2535 จนถึงประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2537 จำเลยที่ 2 ได้เป็นผู้ติดต่อว่าจ้างให้ห้างโจทก์และสำนักพิมพ์อื่นของโจทก์จัดพิมพ์สิ่งพิมพ์ประเภทที่ใช้ในการโฆษณาให้แก่จำเลยที่ 1 และคงค้างชำระค่าจ้างอยู่จำนวน 50 รายการเป็นเงินทั้งสิ้น 2,718,549 บาท เฉพาะค่าจ้างที่จำเลยที่ 1 ค้างชำระโจทก์จำนวน 28 รายการ เป็นเงินทั้งสิ้น 1,718,099 บาท เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2537 นางนงลักษณ์ได้มอบหมายให้ทนายความทำหนังสือทวงถามให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินตามรายการสิ่งพิมพ์ดังกล่าวทั้งหมด 50 รายการ จำเลยที่ 1 เมื่อทราบการทวงถามก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นหนี้หรือไม่ได้รับสิ่งพิมพ์ของโจทก์ จำเลยที่ 2 ทำหนังสือรับผิดใช้หนี้ไว้แก่จำเลยที่ 1 มีข้อความโดยสรุปว่า “ข้าพเจ้าขอรับรองว่า สิ่งพิมพ์จำนวน 50 รายการดังกล่าวบริษัทเดอะแคมแพน จำกัด โดยข้าพเจ้าซึ่งเป็นกรรมการด้วยคนหนึ่งได้เป็นผู้ติดต่อว่าจ้างให้ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอ็นเพรส ห้างหุ้นส่วนจำกัดมัลติ อินเตอร์ปริ้นต์ บริษัทแท่นทองปริ้นติ้งเซอร์วิส จำกัด และร้านทีที เทรดดิ้ง จัดพิมพ์สิ่งพิมพ์ดังกล่าวให้แก่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ทั้งสิ้น ซึ่งธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ได้ชำระเงินค่าสิ่งพิมพ์ทั้ง 50 รายการดังกล่าวให้แก่บริษัทเดอะแคมแพน จำกัด เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นค่าจ้างจัดทำสิ่งพิมพ์จำนวนดังกล่าวจึงเป็นเรื่องหนี้สินที่ยังค้างชำระระหว่างสำนักพิมพ์ทั้ง 4 แห่งดังกล่าวกับบริษัทบริษัทเดอะแคมแพน จำกัด ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) แต่อย่างใด” ต่อมานางนงลักษณ์ ในนามสำนักพิมพ์ 4 แห่ง ได้ยื่นฟ้องจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ต่อศาลชั้นต้นให้ร่วมกันรับผิดชำระค่าจ้าง เรื่องจ้างทำของรวมสามคดี คดีถึงที่สุดทุกคดีแล้วตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม 2546 โดยศาลฎีกามีคำพิพากษายกฟ้องโจทก์ทุกคดีตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5499-5500/2545 จำเลยที่ 2 ยอมรับว่างานพิมพ์ตามใบเสร็จรับเงิน ที่โจทก์ทวงถามให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้นั้น จำเลยที่ 2 เป็นผู้ติดต่อว่าจ้างให้โจทก์ทำให้แก่จำเลยที่ 1 แต่จำเลยที่ 2 ได้ชำระเงินค่าสิ่งพิมพ์ให้แก่บริษัทเดอะแคมแพน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่จำเลยที่ 2 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทและตั้งขึ้นระหว่างที่จำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 เป็นเหตุให้โจทก์ไม่ได้รับเงินค่าสิ่งพิมพ์ การที่จำเลยที่ 2 เป็นผู้ติดต่อว่าจ้างให้โจทก์ทำสิ่งพิมพ์ให้แก่จำเลยที่ 1 เป็นการปฏิบัติให้งานที่จ้างตามสัญญาจ้างแรงงานระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ลุล่วงไปและเหตุที่โจทก์ไม่ได้รับเงินก็เป็นผลจากการปฏิบัติงานของจำเลยที่ 2 โดยวิธีการทำโดยจงใจ โดยไม่สุจริต นำงานพิมพ์ที่โจทก์เป็นผู้ทำไปทำหลักฐานใบเสร็จรับเงินในนามของบริษัทของจำเลยที่ 2 แล้วรับเงินจากจำเลยที่ 1 เพื่อผลประโยชน์ของจำเลยที่ 2 โดยไม่มีสิทธิหรือเป็นการประทุษร้ายต่อสิทธิของโจทก์ย่อมเป็นการทำละเมิดในทางการที่จ้างที่จำเลยที่ 1 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ในผลแห่งละเมิดซึ่งจำเลยที่ 2 ได้ทำไปในทางการที่จ้างนั้นด้วย ขอให้บังคับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 2,983,725 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงินจำนวน 1,718,099 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ศาลชั้นต้นพิเคราะห์คำฟ้องโจทก์แล้ว เห็นว่า ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีคงมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่า คำฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องซ้ำกับคดีหมายเลขแดงที่ 23559/2541 และคดีหมายเลขแดงที่ 23560/2541 ของศาลชั้นต้น หรือไม่ เห็นว่า คดีทั้งสองดังกล่าวห้างหุ้นส่วนจำกัดเอ็นเพรส และโจทก์คดีนี้เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองคดีนี้ในเรื่องจ้างทำของและตัวแทนโดยอ้างว่าจำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้าง หรือตัวแทนของจำเลยที่ 1 ว่าจ้างโจทก์แล้วผิดนัดไม่ชำระค่าจ้าง เมื่อศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้มอบหมายให้จำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนในการว่าจ้างพิมพ์งานตามฟ้องกับโจทก์ทั้งสอง แต่จำเลยที่ 1 ได้ว่าจ้างให้บริษัทเดอะแคมแพน จำกัด จัดทำ ส่วนบริษัทเดอะแคมแพน จำกัด จะนำงานไปให้โจทก์ทั้งสองจัดทำหรือไม่เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 1 ไม่ได้รับรู้ด้วย จำเลยที่ 1 ไม่มีนิติสัมพันธ์หรือมีหนี้ที่ต้องชำระให้แก่โจทก์ทั้งสอง จำเลยที่ 1 ได้ชำระเงินค่าจ้างให้แก่บริษัทเดอะแคมแพน จำกัด ซึ่งเป็นผู้รับจ้างไปแล้ว โจทก์ทั้งสองไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาจากจำเลยที่ 1 พิพากษายกฟ้องและคดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์คดีนี้ฟ้องจำเลยทั้งสองว่าจำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างที่ 1 และจำเลยที่ 2 ได้เป็นผู้ทำบันทึกว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ติดต่อว่าจ้างโจทก์ทำสิ่งพิมพ์ให้แก่จำเลยที่ 1 แต่จำเลยที่ 1 ได้ชำระเงินค่าจ้างให้แก่บริษัทเดอะแคมแพน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทของจำเลยที่ 2 และเหตุที่โจทก์ไม่ได้รับเงินค่าจ้าง เพราะจำเลยที่ 2 กระทำละเมิดโจทก์โดยการนำสิ่งพิมพ์ที่โจทก์เป็นผู้ทำไปทำหลักฐานใบเสร็จรับเงินในนามบริษัทเดอะแคมแพน จำกัด แล้วไปรับเงินจากจำเลยที่ 1 การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นละเมิดในทางการที่จ้าง เห็นว่า แม้โจทก์จะฟ้องจำเลยทั้งสองเรื่องละเมิดในทางการที่จ้างที่ดูประหนึ่งว่าไม่เกี่ยวกับประเด็นเดียวกับคดีหมายเลขแดงที่ 23559/2541 และคดีหมายเลขแดงที่ 23560/2541 ของศาลชั้นต้นเรื่องจ้างทำของและตัวแทนก็ตาม แต่ตามเนื้อหาที่โจทก์ฟ้องและอุทธรณ์เป็นเรื่องที่โจทก์โต้เถียงถึงเหตุที่โจทก์ยังไม่ได้รับเงินค่าจ้าง จากจำเลยที่ 1 ในมูลหนี้การว่าจ้างพิมพ์งานในจำนวนเดียวกันซึ่งเป็นการโต้เถียงประเด็นเดียวกันกับประเด็นในคดีหมายเลขแดงที่ 23559/2541 และคดีหมายเลขแดงที่ 23560/2541 ของศาลชั้นต้นซึ่งรวมการพิจารณาและคดีถึงที่สุดโดยศาลฎีกาวินิจฉัยไว้แล้วว่าจำเลยที่ 1 ว่าจ้างบุคคลอื่นให้จัดทำ จำเลยที่ 1 ไม่มีนิติสัมพันธ์หรือมีหนี้ที่จะต้องชำระแก่โจทก์ ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องซ้ำกับคดีหมายเลขแดงที่ 23559/2541 และคดีหมายเลขแดงที่ 23560/2541 ของศาลชั้นต้นดังกล่าวและต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.