แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หนังสือค้ำประกันมีข้อความว่า “?บริษัท ต. ได้ค้ำประกันการซื้อสินค้าถุงพลาสติกระหว่าง ซ. (ผู้ซื้อ) กับโจทก์ (ผู้ขาย) ? หากบริษัท ต. ไม่สามารถชำระเงินให้ จำเลย สาขาสุพรรณบุรี ตกลงชำระเงินแทนให้ 600,000 บาท” จำเลยได้ทำหนังสือค้ำประกันฉบับดังกล่าวขึ้น โดยบริษัท ต. ยื่นคำขอให้จำเลยออกหนังสือสัญญาค้ำประกันระบุข้อความว่า จำเลยจะชำระหนี้แก่โจทก์หากบริษัท ต. ไม่ชำระหนี้ โดยบริษัท ต. กับจำเลยจัดทำหนังสือค้ำประกัน จากนั้น ทางบริษัท ต. ได้จัดส่งเอกสารดังกล่าวให้โจทก์ หนังสือค้ำประกันดังกล่าวจึงเป็นสัญญาที่ทำขึ้นระหว่างบริษัท ต. กับจำเลยมิใช่สัญญาที่จำเลยทำกับโจทก์ว่าหากบริษัท ต. ผู้ค้ำประกันไม่ชำระหนี้ จำเลยจะชำระแทน จึงมิใช่สัญญาค้ำประกันตาม ป.พ.พ. มาตรา 680 กรณีจึงมิใช่สัญญาที่จำเลยเป็นผู้รับเรือนตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 682 วรรคหนึ่ง แต่หนังสือสัญญาดังกล่าวเป็นเรื่องที่จำเลยทำสัญญากับบริษัท ต. ยินยอมจะชำระหนี้ให้โจทก์ เมื่อโจทก์แสดงเจตนาแก่จำเลยว่าจะถือเอาประโยชน์จากสัญญานั้นแล้ว เป็นสัญญาเพื่อประโยชน์ของบุคคลภายนอกตาม ป.พ.พ. มาตรา 374 โจทก์จึงมีสิทธิจะเรียกชำระหนี้จากจำเลยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 1,331,519.92 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 1,004,920.70 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 1,004,920.70 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 9 สิงหาคม 2536 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 9,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความรวม 13,500 บาท
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังยุติว่า โจทก์ขายสินค้าประเภทถุงพลาสติกให้ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ซัพพลาย โดยก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2534 และวันที่ 14 มกราคม 2535 บริษัท โตโยต้าสุพรรณบุรี ผู้จำหน่ายโตโยต้าจำกัด ยื่นคำขอให้จำเลยออกหนังสือสัญญาค้ำประกันรวมสองฉบับ โดยหนังสือค้ำประกันทั้งสองฉบับดังกล่าวมีข้อความเหมือนกันว่า “? บริษัท โตโยต้าสุพรรณบุรี ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด ได้ค้ำประกันการซื้อสินค้าถุงพลาสติกระหว่าง ซุปเปอร์มาร์เก็ต ซัพพลาย (ผู้ซื้อ) กับโจทก์ (ผู้ขาย) ? หากบริษัท โตโยต้าสุพรรณบุรี ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด ไม่สามารถชำระเงินให้ จำเลย สาขาสุพรรณบุรีตกลงชำระเงินแทนให้ 600,000 บาท” โจทก์ส่งสินค้าให้ซุปเปอร์มาร์เก็ต ซัพพลาย แล้ว แต่ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ซัพพลาย และบริษัท โตโยต้าสุพรรณบุรี ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด ไม่ชำระค่าสินค้าแก่โจทก์
มีปัญหาตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยต้องรับผิดตามหนังสือสัญญาค้ำประกันทั้งสองฉบับนั้นหรือไม่ โดยโจทก์ฎีกาว่า หนังสือค้ำประกันเอกสารหมาย จ.3 เป็นสัญญาที่จำเลยทำเพื่อประโยชน์แก่โจทก์ผู้เป็นบุคคลภายนอกจึงผูกพันจำเลยตาม ป.พ.พ. มาตรา 374 ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าหนังสือค้ำประกันดังกล่าวเป็นการที่จำเลยค้ำประกันความรับผิดของบริษัท โตโยต้าสุพรรณบุรี ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด ผู้ค้ำประกัน จำเลยจึงเป็นผู้รับเรือน จึงไม่ชอบ และโจทก์ฎีกาต่อไปว่า ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือที่จะฟ้องร้องบังคับบริษัท โตโยต้าสุพรรณบุรี ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด ได้ จำเลยจึงหลุดพ้นความรับผิดด้วย เป็นการรับฟังข้อเท็จจริงไม่ชอบ เพราะเนื้อความตามเอกสารหมาย จ.3 ถือได้ว่าเป็นหลักฐานเป็นหนังสือที่โจทก์จะฟ้องร้องบริษัท โตโยต้าสุพรรณบุรี ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด บังคับได้นั้น เห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความตามทางนำสืบของโจทก์จำเลยรับกันว่าจำเลยได้ทำหนังสือค้ำประกันเอกสารหมาย จ.3 ขึ้น โดยบริษัท โตโยต้าสุพรรณบุรี ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด ยื่นคำขอให้จำเลยออกหนังสือสัญญาค้ำประกันทั้งสองฉบับ ดังกล่าวระบุข้อความว่า จำเลยจะชำระหนี้แก่โจทก์หากบริษัท โตโยต้าสุพรรณบุรี ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด ไม่ชำระหนี้ โดยได้ความตามคำเบิกความของกรรมการผู้จัดการของโจทก์ว่า บริษัท โตโยต้าสุพรรณบุรี ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด กับจำเลย จัดทำหนังสือค้ำประกันตามเอกสารหมาย จ.3 จากนั้นทางบริษัท โตโยต้าสุพรรณบุรี ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด ได้จัดส่งเอกสารดังกล่าวให้โจทก์ หนังสือค้ำประกันเอกสารหมาย จ.3 ดังกล่าวจึงเป็นสัญญาที่ทำขึ้นระหว่างบริษัท โตโยต้าสุพรรณบุรี ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด กับจำเลย มิใช่สัญญาที่จำเลยทำกับโจทก์ว่า หากบริษัท โตโยต้าสุพรรณบุรี ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด ผู้ค้ำประกันไม่ชำระหนี้ จำเลยจะชำระแทน สัญญาตามเอกสารหมาย จ.3 จึงมิใช่สัญญาค้ำประกันตาม ป.พ.พ. มาตรา 680 กรณีจึงมิใช่สัญญาที่จำเลยเป็นผู้รับเรือนตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 682 วรรคหนึ่ง แต่หนังสือสัญญาดังกล่าวเป็นเรื่องที่จำเลยทำสัญญากับบริษัท โตโยต้าสุพรรณบุรี ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด ยินยอมจะชำระหนี้ให้โจทก์ เมื่อโจทก์แสดงเจตนาแก่จำเลยว่าจะถือเอาประโยชน์จากสัญญานั้นแล้ว เป็นสัญญาเพื่อประโยชน์ของบุคคลภายนอกตาม ป.พ.พ มาตรา 374 ฉะนั้น โจทก์จึงมีสิทธิจะเรียกชำระหนี้จากจำเลยได้ ดังนั้น กรณีจึงไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นของโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 12,000 บาท.