คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1373/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การเช่าที่ดินเพื่อปลูกสร้างห้องแถวให้คนอื่นเช่านั้น แสดงว่ามีเจตนาเช่าที่ดินเพื่อหาประโยชน์เป็นการประกอบธุรกิจการค้า ฉะนั้น แม้ผู้เช่าที่ดินจะได้ใช้ห้องแถวนั้นอยู่อาศัยด้วยก็ตาม ก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาเช่าส่วนหนึ่งของที่ดินจากนายหยู่เจ้าของเดิม มีกำหนด ๕ ปี เพื่อปลูกสร้างห้องแถวให้ผู้อื่นเช่าและอยู่เอง สัญญาเช่าสิ้นอายุแล้ว โจทก์ได้รับโอนที่ดินจากเจ้าของที่ดินแปลงนี้ไม่ประสงค์ให้จำเลยเช่าที่ดินพิพาทต่อไป ได้บอกกล่าวแล้ว แต่จำเลยขัดขืน จึงขอให้ศาลบังคับขับไล่และให้จำเลยรื้อห้องแถวออกไป และถมที่ดินที่ขุดหลุมตลอดจนชำระค่าเช่าที่ค้างและใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวาร ให้จำเลยรื้อห้องแถวออกไปและทำที่ดินให้คงสภาพเดิม ให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้าง ๒,๕๔๖ บาท ค่าเสียหายเดือนละ ๔๐๐ บาท นับจากวันฟ้องไปจนกว่าจะรื้อห้องแถวและทำที่ดินให้คงสภาพเดิม
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
มีปัญหาข้อกฎหมายมาสู่ศาลฎีกาว่า ฎีกาของจำเลยที่ว่าการเช่าที่ดินรายนี้ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันนั้น เห็นว่าการเช่าของจำเลยเป็นการเช่าที่ดินแล้วปลูกสร้างห้องแถวขึ้น ๒๘ ห้อง ให้คนเช่าถึง ๒๗ ห้อง แสดงว่ามีเจตนาเช่าที่ดินเพื่อหาประโยชน์เป็นการประกอบธุรกิจการค้า แม้จำเลยจะใช้ห้องแถวนั้นอยู่อาศัยเองด้วย ๑ ห้อง ก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน ฯ ฎีกาจำเลยไม่มีเหตุจะแก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
พิพากษายืน

Share