คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 832/2540

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยใช้กระแสไฟฟ้าช็อตปลาในคลองสาธารณะ ถือได้ว่าเป็นการกระทำด้วยความประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 วรรคสี่เมื่อผู้ตายถูกกระแสไฟฟ้าช็อตตาย ก็ต้องถือว่าเป็นผลโดยตรงที่เกิดจากความประมาทของจำเลย ไม่ว่าเหตุที่เกิดขึ้นจะเป็นเพราะผู้ตายลงไปอาบน้ำในคลอง หรือผู้ตายไปแก้สายไฟฟ้าที่เกี่ยวติดสิ่งของจึงถูกกระแสไฟฟ้าช็อตตาย ก็ไม่มีผลทำให้จำเลยพ้นผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันปล่อยกระแสไฟฟ้าแรงสูงลงในคลองขุนน้ำอันเป็นคลองสาธารณะที่ประชาชนใช้ร่วมกันเพื่อช็อตปลา โดยรู้อยู่แล้วว่ากระแสไฟฟ้าอาจช็อตผู้ลงไปในคลองให้ถึงแก่ความตายได้ การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นการกระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้นายปิยะหรือโก ชูโลก บุตรโจทก์ซึ่งลงไปอาบน้ำในคลองขุนน้ำถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 83
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ให้จำคุกคนละ 1 ปี
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังเป็นยุติว่า ตามวันและเวลาเกิดเหตุตามฟ้อง นายปิยะหรือโก ชูโลก บุตรโจทก์ถูกกระแสไฟฟ้าที่ใช้ช็อตปลาในคลองขุนน้ำช็อตจนถึงแก่ความตายคงมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสามข้อแรกว่าจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีนางสาวสุกัญญา ชูโลก มาเบิกความเป็นพยานว่า ก่อนเกิดเหตุพยานได้ไปที่สวนยางพาราซึ่งอยู่ริมคลอง เห็นจำเลยทั้งสามร่วมกันทำการช็อตปลา โดยจำเลยที่ 2 เป็นคนช็อตปลา จำเลยที่ 1เป็นคนดึงสายไฟฟ้าเดินตามและจำเลยที่ 3 เป็นคนจับปลาใส่ถุงและพยานยังเบิกความว่า หลังจากผู้ตายไปอาบน้ำประมาณครึ่งชั่วโมง จำเลยที่ 1 ได้วิ่งมาบอกที่บ้านของพยานว่าผู้ตายถูกไฟฟ้าช็อต ขณะนั้นที่บ้านของพยานมีตัวโจทก์ พยานนายพรเทพและนายชาตรีอยู่ด้วยกัน ทั้งหมดจึงวิ่งไปดูผู้ตาย เมื่อวิ่งไปถึงบ้านนายพร้อม ชูช่วง ซึ่งอยู่ริมคลอง ห่างจากท่าน้ำประมาณ 4 เมตร พยานเห็นจำเลยที่ 1 กำลังดึงสายไฟฟ้าที่ต่อมาจากบ้านนายพร้อมเห็นจำเลยที่ 2 กำลังดึงสายไฟฟ้าซึ่งติดกับแผงช็อตปลาและเห็นจำเลยที่ 3 กำลังถือกระสอบใส่ปลา นอกจากนางสาวสุกัญญาซึ่งเป็นประจักษ์พยานดังกล่าวแล้ว โจทก์ก็ยังมีตัวโจทก์มาเบิกความประกอบว่า เมื่อวิ่งไปถึงบ้านนายพร้อม ซึ่งอยู่ห่างจากคลองประมาณ 10 เมตร เห็นจำเลยที่ 1 ขึ้นไปถอดปลั๊กไฟฟ้าบริเวณหลังบ้านนายพร้อม เห็นจำเลยที่ 2 กำลังม้วนสายไฟฟ้ามาจากลำคลองและเห็นจำเลยที่ 3 กำลังหิ้วกระสอบใส่ปลาขึ้นมาจากลำคลองเห็นว่า นางสาวสุกัญญาเบิกความยืนยันว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นจำเลยทั้งสามร่วมกันทำการช็อตปลาอยู่ นอกจากนั้นแล้วนางสาวสุกัญญาและตัวโจทก์ยังเบิกความสอดคล้องต้องกันว่า เมื่อวิ่งตามจำเลยที่ 1 ไปถึงที่เกิดเหตุเห็นจำเลยที่ 1 กำลังดึงสายไฟฟ้าออกจากบ้านนายพร้อม เห็นจำเลยที่ 2 กำลังม้วนสายไฟฟ้าและเห็นจำเลยที่ 3 กำลังถือกระสอบใส่ปลา ตัวโจทก์และนางสาวสุกัญญาไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยทั้งสามมาก่อนจึงไม่มีข้อระแวงสงสัยว่าจะแกล้งปรักปรำใส่ร้ายจำเลยทั้งสาม ทั้งคำเบิกความของตัวโจทก์และของนางสาวสุกัญญาก็มีข้อความตรงกันกับคำให้การในชั้นสอบสวน ตามสำเนาสำนวนสอบสวนเอกสารหมาย จ.5 น่าเชื่อว่าตัวโจทก์และนางสาวสุกัญญาเบิกความไปตามสัตย์จริงประกอบกับจำเลยทั้งสามรับว่าได้อยู่ในที่เกิดเหตุจริงอีกด้วยพยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักฟังได้ว่าจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันใช้ไฟฟ้าทำการช็อตปลาในคลองขุนน้ำที่เกิดเหตุจริงข้อต่อสู้ของจำเลยทั้งสามที่ว่า นายอนุพี่ชายผู้ตายได้ไปขอยืมสายไฟฟ้าจากจำเลยที่ 2 แล้วนายอนุกับผู้ตายได้ร่วมกันทำการช็อตปลาจำเลยทั้งสามไม่ได้มีส่วนร่วมในการช็อตปลาด้วยนั้น เห็นว่าในชั้นสอบสวนเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจแจ้งข้อหาแก่จำเลยทั้งสามว่าร่วมกันกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายแล้วจำเลยทั้งสามหาได้ยกข้อต่อสู้ดังกล่าวขึ้นเป็นข้อแก้ตัวปฏิเสธความผิดแต่อย่างใดไม่ จำเลยทั้งสามเพิ่งจะยกขึ้นมากล่าวอ้างในชั้นพิจารณาของศาล ทั้งเป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ โดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดประกอบ จึงไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้กระแสไฟฟ้าซึ่งเป็นสิ่งที่มีอันตรายโดยสภาพสามารถทำอันตรายบุคคลอื่นให้ถึงแก่ความตายได้ ทำการช็อตปลาในคลองขุนน้ำอันเป็นคลองสาธารณะที่ประชาชนใช้ร่วมกันเช่นนี้ นอกจากจะเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมายอย่างชัดแจ้งแล้ว ก็ยังเป็นการกระทำโดยปราศจากความระมัดระวังตามวิสัยและพฤติการณ์อันถือได้ว่าเป็นการกระทำด้วยความประมาทตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 วรรคสี่ อีกด้วย เมื่อผู้ตายถูกกระแสไฟฟ้าที่จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ดังกล่าวช็อตจนถึงแก่ความตายเช่นนี้ก็ต้องถือว่าเป็นผลโดยตรงที่เกิดจากความประมาทของจำเลยทั้งสามไม่ว่าเหตุที่เกิดขึ้นจะเป็นเพราะผู้ตายลงไปอาบน้ำในคลองแล้วถูกกระแสไฟฟ้าช็อตตามข้อกล่าวอ้างของโจทก์หรือเป็นเพราะผู้ตายไปแก้สายไฟฟ้าที่เกี่ยวติดสิ่งของจึงถูกกระแสไฟฟ้าช็อตถึงแก่ความตายตามที่จำเลยทั้งสามกล่าวอ้างมาในฎีกาก็ตามก็ไม่มีผลทำให้จำเลยทั้งสามพ้นผิดแต่อย่างใด ฎีกาของจำเลยทั้งสามข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 อายุไม่เกิน 17 ปีลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75แล้วจำคุกคนละ 6 เดือน และปรับคนละ 10,000 บาท สำหรับจำเลยที่ 3 ให้ลงโทษปรับ 20,000 บาท อีกสถานหนึ่งโทษจำคุกของจำเลยทั้งสามให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปี และวางเงื่อนไขคุมความประพฤติจำเลยทั้งสามไว้ โดยให้จำเลยทั้งสามประกอบอาชีพที่สุจริตอันเป็นกิจจะลักษณะ ละเว้นความประพฤติใดอันอาจนำไปสู่การกระทำความผิดที่มีโทษทางอาญาอีกและให้จำเลยทั้งสามไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 2 เดือนต่อครั้ง มีกำหนดเวลา 2 ปี และ3 เดือนต่อครั้ง มีกำหนดเวลา 1 ปี และให้จำเลยทั้งสามทำงานเพื่อสาธารณประโยชน์ตามแต่ที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยทั้งสามเห็นสมควร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3

Share