คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 832/2479

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องที่ขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกงนั้น โจทก์จะต้องกล่าวในฟ้องแสดงให้ชัดเจนว่าจำเลยได้ใช้อุบายหลอกลวงให้เขาส่งทรัพย์ ทำ ถอน หรือทำลายหนังสือสำคัญอย่างใด ๆ มิฉะนั้นไม่เป็นฟ้องอันควรรับวินิจฉัยในความผิดฐานฉ้อโกงได้

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยทั้ง ๔ คนนี้ว่าสมคบกันปลอมชื่อบุตรโจทก์เป็นผู้ทำกรมธรรม์ขายสวนให้แก่จำเลยที่ ๒ ๆ ได้โอนขายให้จำเลยที่ ๓ ซึ่งเป็นมารดาของจำเลยที่ ๑ โดยเจตนาจะฉ้อโกงโจทก์และจำเลยที่ ๑ และที่ ๔ ได้ยักยอกเอาใบเหยียบย่ำที่สวนรายนี้ไว้เป็นประโยชน์ตนเสีย โจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่าการกระทำของจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ เป็นผิดฐานฉ้อโกงตามกฎหมายอาญามาตรา ๓๐๔ พิพากษาจำคุกคนละ ๒ ปี จำเลยที่ ๓ คดีระงับ แต่ศาลชั้นต้นด้วยความมรณะ ส่วนจำเลยที่ ๔ ยังไม่มีความผิดให้ปล่อยตัวไป
ศาลฎีกาตัดสินว่าในฟ้องของโจทก์ที่กล่าวพรรณาถึงการกระทำของจำเลยไว้นั้น ไม่ปรากฎข้อความว่าจำเลยได้ใช้อุบายหลอกลวงโจทก์ประการใดเลย ทั้งไม่ใช่เป็นเรื่องที่จำเลยให้โจทก์ ส่งทรัพย์ หรือให้โจทก์ทำหรือถอนหรือทำลายหนังสือสำคัญอย่างใดเลย ฟ้องของโจทก์จึงขาดสาระสำคัญตามมาตรา ๓๐๔ พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ปล่อยจำเลยไป

Share