คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 830/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคำแถลงการณ์เป็นหนังสือของโจทก์ในชั้นฎีกา โจทก์ได้ยกข้อต่อสู้เป็นข้อกฎหมายขึ้นใหม่ซึ่งโจทก์ไม่ได้ยกขึ้นกล่าวไว้ในฎีกาทั้งมิใช่ข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับฟัง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเข้าไปปลูกเรือนในที่ดินของโจทก์ โจทก์เห็นว่าจำเลยเป็นบุตรจึงให้อาศัยปลูกเรือนอยู่ ต่อมาโจทก์ให้จำเลยรื้อถอนออกไปเนื่องจากจำเลยประพฤติตนเป็นปฏิปักษ์ต่อโจทก์และบริวารของโจทก์ จำเลยไม่ยอมรื้อ จึงขอให้ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารให้รื้อถอนเรือนออกไปจากที่ดินของโจทก์

จำเลยให้การว่า ที่พิพาทที่จำเลยปลูกเรือนอยู่นั้นเดิมเป็นของนางป๊อก สถาวรวณิช มารดาโจทก์คือย่าของจำเลย นางป๊อกยกกรรมสิทธิ์ให้จำเลยเพื่อปลูกบ้านอยู่อาศัยเมื่อประมาณ 12-13 ปีมานี้ แต่การยกให้มิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เพียงแต่ทำการรังวัดแล้วมอบที่ดินให้ จำเลยได้ครอบครองที่พิพาทตลอดมานับแต่นางป๊อกยกให้โดยสงบและเปิดเผย ในฐานะเป็นเจ้าของเป็นเวลาเกิน 10 ปี แล้ว จำเลยได้ปลูกบ้านเป็นที่อยู่อาศัยลงในที่ดินดังกล่าว ที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลย ขอให้ศาลยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเชื่อว่าจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทโดยสงบและเปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมาเป็นเวลาเกิน 10 ปี จำเลยจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่ พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อนางป๊อกยกที่พิพาทให้จำเลย ก็ได้มีการรังวัดและปักหลักที่พิพาททั้งสี่มุม นับได้ว่าเป็นหลักฐานแสดงการครอบครองของจำเลยเพียงพอแล้ว หาจำต้องมีการล้อมรั้วปลูกพืชหรืออื่น ๆ ดังฎีกาโจทก์ไม่ เมื่อจำเลยปลูกเรือนในที่พิพาท โจทก์มิได้โต้แย้งคัดค้านแสดงว่าโจทก์ยอมรับรู้สิทธิของจำเลยในที่พิพาท พยานหลักฐานฟังได้ว่าจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทที่นางป๊อกยกให้จำเลยนั้นมาโดยสงบและเปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมาเป็นเวลากว่า 10 ปี จำเลยจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทแล้วในคำแถลงการณ์ด้วยลายลักษณ์อักษรของโจทก์ โจทก์ได้ยกข้อต่อสู้ขึ้นใหม่ว่า แม้จะฟังว่านางป๊อกยกที่พิพาทให้จำเลยแล้วก็ตามแต่เมื่อต่อมานางป๊อกได้จดทะเบียนยกที่พิพาทให้โจทก์ในภายหลังการครอบครองของจำเลยในตอนแรกย่อมจะสิ้นสุดลง ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์มิได้ยกข้อกฎหมายนี้ขึ้นอ้างอิงมาในฎีกา ทั้งมิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ฎีกาโจทก์จึงฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share