แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ให้เช่าฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากห้องเช่าแล้วคู่ความทำสัญญายอมความกันว่า ผู้เช่ายอมออกจากห้องเช่านั้นไปอยู่ที่อื่นชั่วคราวผู้ให้เช่าจะจัดสร้างห้องรายนี้ใหม่โดยผู้เช่ายอมออกเงินค่าก่อสร้างให้1 ห้องและเมื่อชำระเสร็จแล้ว ผู้ให้เช่ายอมให้ผู้เช่าเช่าอยู่ต่อไปอีก 1 ห้อง เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปีนั้นจะให้หมายความเพียงว่าเช่าเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยเท่านั้นหาได้ไม่อาจเป็นการเช่าอยู่เพื่อประกอบการค้าหรือธุรกิจอะไรอย่างใดก็ได้ เมื่อตามข้อสัญญาไม่ได้กล่าวให้ชัดก็จำต้องพิจารณาถึงเจตนาของคู่กรณีในเรื่องนี้ต่อไป
เดิมห้องเช่าพิพาทเป็นร้านจำหน่ายน้ำมันที่หน้าร้านมีปั๊มน้ำมันตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงและห้องติดต่อกันเป็นร้านค้าขายแสดงว่าห้องเช่าพิพาทอยู่ในทำเลการค้า ประกอบกับผู้เช่ายอมออกเงินค่าก่อสร้างให้ผู้ให้เช่าเป็นจำนวนมากย่อมบ่งชี้ให้เห็นว่าที่ยอมให้ผู้เช่า เช่าอยู่ต่อไปอีกนั้น เป็นการให้เช่าอยู่เพื่อทำการค้าน้ำมันตามเดิมนั้นเอง
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้ศาลขับไล่จำเลยและบริวารออกจากห้องเช่าของโจทก์ จำเลยต่อสู้คดีหลายประการ
ในที่สุดคู่ความทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันดังนี้ (1) จำเลยยอมออกจากห้องนี้ ฯลฯ (2) โจทก์จะจัดการสร้างห้องรายนี้ใหม่โดยจำเลยยอมออกเงินค่าก่อสร้างให้โจทก์ 1 ห้อง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท ฯลฯ (3) เมื่อจำเลยชำระเงินตามข้อ 2 ให้โจทก์เสร็จแล้วโจทก์ยอมให้จำเลยเช่าอยู่ต่อไปอีก 1 ห้อง เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปีในอัตราค่าเช่าเดือนละไม่เกิน 80 บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีไปตามยอม
ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องว่า โจทก์บิดพลิ้วไม่ให้จำเลยเช่าทำการค้าเช่นเดิม
โจทก์ยื่นคำแถลงว่า ไม่บิดพลิ้วโจทก์ยอมให้จำเลยเช่าอยู่ตามสัญญายอม แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไขแห่งสัญญาเช่าของโจทก์
ศาลชั้นต้นสอบถามคู่ความ ได้ความว่าเนื่องจากจำเลยต้องการเช่าตึกรายนี้เพื่อทำการค้าน้ำมัน โจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยเช่าตึกนี้อีกต่อไป ทั้งอ้างว่าตามสัญญาข้อ 3 หมายถึงเช่าอยู่
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า คำว่า “เช่าอยู่ต่อไปอีก ฯลฯ” เมื่อไม่มีพยานหลักฐานมาแสดงให้เห็นว่า มีเจตนาเป็นอย่างอื่นแล้ว ก็ต้องตีความหมายว่าเช่าอยู่ต่อไปอีกตามเดิมเมื่อโจทก์เป็นจำเลยรับกันว่า เดิมจำเลยได้ทำการค้าน้ำมันใช้ห้องรายนี้ จำเลยก็ชอบที่จะเช่าทำการค้าน้ำมันต่อไปอีก ที่โจทก์ว่าตามสัญญายอมหมายถึงขอเช่าอยู่นั้นไม่มีเหตุผลหรือหลักฐานที่จะแปลเช่นนั้นได้ จึงมีคำสั่งให้บังคับให้โจทก์ปฏิบัติตามสัญญายอมความ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คำว่า “ให้เช่าอยู่” จะให้หมายความเพียงว่าเช่าเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยเท่านั้นหาได้ไม่ อาจจะเป็นการเช่าอยู่เพื่อประกอบการค้าหรือธุรกิจอะไร อย่างใดก็ได้ เมื่อตามข้อสัญญาไม่ได้กล่าวให้ชัด ก็จำต้องพิจารณาถึงเจตนาของคู่กรณีในเรื่องนี้ต่อไป
ได้ความว่า ในห้องจำเลยเป็นร้านจำหน่ายน้ำมัน ที่หน้าร้านมีปั๊มน้ำมันตั้งอยู่ บริเวณใกล้เคียงและห้องติดต่อกันเป็นร้านค้าขาย แสดงว่าห้องพิพาทตั้งอยู่ในทำเลการค้า ประกอบกับข้อที่จำเลยยอมออกเงินค่าก่อสร้างให้โจทก์เป็นจำนวนมากเช่นนี้ ย่อมบ่งชี้ให้เห็นเจตนาของคู่กรณีได้ชัดเจนว่า ที่ยอมให้จำเลยเช่าอยู่ต่อไปอีก 1 ห้องนั้นเป็นการให้เช่าอยู่เพื่อประกอบการค้าโดยไม่มีข้อสงสัย และเมื่อรับกันว่า เดิมจำเลยทำการค้าน้ำมันในห้องเช่านั้น ก็ต้องแปลเจตนาว่าเป็นการให้เช่าอยู่ เพื่อทำการค้าน้ำมันตามเดิมนั่นเอง
พิพากษากลับ บังคับคดีตามศาลชั้นต้น