แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความผิดฐานซื้อหรือรับไว้ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร ข้อห้ามหรือข้อจำกัด ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 ความผิดฐานทำไม้หวงห้ามโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ มีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม้ดังกล่าวไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตราของ รัฐบาล และโดยพิสูจน์ไม่ได้ว่าได้ไม้ดังกล่าวมาโดยชอบด้วยกฎหมาย แปรรูปไม้ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไว้ในครอบครองจำนวนเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯนั้น ความผิดแต่ละกรรมเป็นความผิดสำเร็จในตัวเอง จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันต้องลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2539 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยกับพวกที่หลบหนีร่วมกันซื้อ รับจำนำหรือรับโดยประการใดซึ่งเครื่องเลื่อยยนต์ (เลื่อยโซ่)ยี่ห้อสตีล พร้อมโซ่และบาร์ 2 เครื่อง ราคา 20,000 บาทค่าอากร 7,820 บาท รวมราคาของและค่าอากรเป็น 27,820 บาทอันเป็นของซึ่งจำเลยรู้ว่าเป็นของที่มีผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากรข้อห้ามหรือข้อจำกัด อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และจำเลยกับพวกร่วมกันทำไม้โดยตัด ฟันโค่นไม้แดง ซึ่งเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ออกจากต้น 1 ต้นโดยไม่ได้รับอนุญาตและร่วมกันแปรรูปไม้โดยใช้เลื่อยไม้แดงดังกล่าวออกเป็น 7 ชิ้น รวมปริมาณ 1.12 ลูกบาศก์เซนติเมตรแล้วร่วมกันมีไม้แดงแปรรูปจำนวนและปริมาตรดังกล่าวไว้ในครอบครองภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตและจำเลยกับพวกร่วมกันมีไม้แดงอันยังมิได้แปรรูป จำนวน2 ทอน ปริมาตร 0.41 ลูกบาศก์เมตร ไว้ในครอบครองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469มาตรา 27 ทวิ พระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำผิด พ.ศ. 2489 มาตรา 4, 5, 6, 7, 8, 9, พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 4, 11, 48, 69, 73, 74, 74 ทวิ,74 จัตวา ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 83 ริบของกลางจ่ายสินบนนำจับและจ่ายรางวัลแก่ผู้จับตามกฎหมาย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ทวิ พระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 11, 48 วรรคหนึ่ง, 69 วรรคหนึ่ง,73 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานซื้อหรือรับไว้ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากรข้อห้าม ข้อจำกัด จำคุก 2 ปี ฐานทำไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 6 เดือน ฐานแปรรูปไม้หวงห้ามจำคุก 1 ปี ฐานมีไม้หวงห้ามซึ่งแปรรูปแล้วไว้ในครอบครองจำคุก 1 ปี ฐานมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครอง จำคุก 6 เดือนรวม 5 กระทง เป็นจำคุก 5 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน ริบของกลางและจ่ายรางวัลแก่ผู้นำจับตามกฎหมาย คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า สำหรับความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ทวิ ไม่จำคุกจำเลยแต่ให้ปรับ 111,280 บาท ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ให้กึ่งหนึ่งแล้ว คงปรับ 55,640 บาท รวมกับโทษในความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้เป็นจำคุก 1 ปี 6 เดือน และปรับ 55,640 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้น อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท ต้องใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษจำเลยนั้น เห็นว่า ความผิดฐานซื้อหรือรับไว้ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร ข้อห้ามหรือข้อจำกัด ตามพระราชบัญญัติศุลกากรพ.ศ. 2469 ความผิดฐานทำไม้หวงห้ามโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่มีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม้ดังกล่าวไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตราของรัฐบาล และโดยพิสูจน์ไม่ได้ว่าได้ไม้ดังกล่าวมาโดยชอบด้วยกฎหมาย แปรรูปไม้ในเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองจำนวนเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่นั้นความผิดแต่ละกรรมเป็นความผิดสำเร็จในตัวเอง จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ต้องลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 มิใช่การกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทดังที่จำเลยฎีกา
พิพากษายืน