แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้เพียงข้อเดียวว่า โจทก์หรือจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทด้านทิศใต้ เนื้อที่ 2 ไร่ 1 งาน ถ้าคู่ความไม่เห็นด้วย ชอบที่จะคัดค้านการกำหนดประเด็นข้อพิพาทของศาลได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 183 วรรคสาม เมื่อโจทก์และจำเลยมิได้โต้แย้งหรือคัดค้านประเด็นข้อพิพาทที่ศาลชั้นต้นกำหนด จึงต้องถือว่าคดีมีประเด็นข้อพิพาทตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้เพียงข้อเดียวดังกล่าว การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและ บริวารออกจากที่ดินพิพาททั้งแปลง และให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นข้อพิพาท ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๙๗๑ ตำบลคู้ฝั่งเหนือ (บ้านคู้ฝั่งเหนือ) อำเภอหนองจอก จังหวัดพระนคร พร้อมกับรื้อถอนบ้านเลขที่ ๒๐ หมู่ที่ ๕ แขวงคู้ฝั่งเหนือ เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร ออกไปจากที่ดินดังกล่าวและส่งมอบที่ดินคืนโจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายปีละ ๕๐,๐๐๐ บาท แก่โจทก์ นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปจากที่ดินและส่งมอบที่ดินคืนโจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งกับแก้ไขคำให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย ขอให้ยกฟ้อง และมีคำสั่งว่าจำเลยมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๙๗๑ ตำบลคู้ฝั่งเหนือ (บ้านคู้ฝั่งเหนือ) อำเภอหนองจอก จังหวัดพระนคร เนื้อที่ประมาณ ๒ ไร่ ๑ งาน โดยการครอบครองปรปักษ์
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ที่ดินเนื้อที่ ๒ ไร่ ๑ งาน เป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๙๗๑ ซึ่งจำเลย ครอบครองในฐานะผู้เช่า นางมะไม่เคยยกที่ดินดังกล่าวให้จำเลย ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยถึงแก่กรรม นายดาวูด โพธิ์โซ๊ะ ผู้จัดการมรดกของจำเลย ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๙๗๑ ตำบลคู้ฝั่งเหนือ (บ้านคู้ฝั่งเหนือ) อำเภอหนองจอก จังหวัดพระนคร และส่งมอบที่ดินคืนโจทก์ โดยให้รื้อถอนบ้านเลขที่ ๒๑ (ที่ถูกบ้านเลขที่ ๒๐) หมู่ที่ ๕ แขวงคู้ฝั่งเหนือ เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร ออกไปจากที่ดินพิพาท ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายปีละ ๒๐,๐๐๐ บาท แก่โจทก์ นับแต่วันฟ้อง (วันที่ ๙ เมษายน ๒๕๓๙) เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปจากที่ดินและส่งมอบที่ดินดังกล่าวคืนโจทก์กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ ๑๕,๐๐๐ บาท ให้ยกฟ้องแย้ง ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนฟ้องแย้งให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
พิเคราะห์แล้ว ในวันชี้สองสถาน คู่ความแถลงรับกันว่าที่ดินที่พิพาทกันในคดีนี้คงมีเฉพาะที่ดินทางด้านทิศใต้ของที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๙๗๑ เนื้อที่ ๒ ไร่ ๑ งาน ศาลชั้นต้นจึงชี้สองสถานกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้เพียงข้อเดียวว่า โจทก์หรือจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินด้านทิศใต้เนื้อที่ ๒ ไร่ ๑ งาน โจทก์และจำเลยมิได้โต้แย้งหรือคัดค้านประเด็นข้อพิพาทที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ดังกล่าว จึงต้องถือว่าคดีมีประเด็นข้อพิพาทตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้เพียงข้อเดียว ดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๙๗๑ ทั้งแปลง และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นข้อพิพาท ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาที่จำเลยฎีกาเกี่ยวกับค่าเสียหายด้วย ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้และปัญหาข้อนี้แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใด ยกขึ้นอ้าง แต่เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๒ (๕) ประกอบด้วยมาตรา ๒๔๖, ๒๔๗ นอกจากนี้ ยังปรากฏว่าในระหว่างนัดสืบพยานโจทก์ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้คู่ความนำชี้ทำแผนที่พิพาทเพื่อความสะดวกใน การพิจารณาพิพากษาและบังคับคดี จำเลยนำชี้แนวเขตที่ดินที่จำเลยครอบครองตามแนวเขตสีเขียวในแผนที่พิพาทซึ่งคำนวณเนื้อที่ได้ ๑ ไร่ ๖๙.๖ ตารางวา จึงต้องถือว่าที่ดินพิพาทมีเนื้อที่ ๑ ไร่ ๖๙.๖ ตารางวา ตามแผนที่พิพาทด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินพิพาทเนื้อที่ ๑ ไร่ ๖๙.๖ ตารางวา ทางด้านทิศใต้ของที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๙๗๑ ตำบลคู้ฝั่งเหนือ (บ้านคู้ฝั่งเหนือ) อำเภอหนองจอก กรุงเทพมหานคร ตามแนวเขตสีเขียวในแผนที่พิพาท และส่งมอบที่ดินพิพาทคืนโจทก์ โดยให้รื้อถอนบ้านเลขที่ ๒๐ หมู่ที่ ๕ แขวงคู้ฝั่งเหนือ เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร ออกไปจากที่ดินพิพาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ นอกจากที่ แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คืนค่าขึ้นศาลในศาลชั้นต้นส่วนที่เกิน ๑๗,๗๑๐ บาท ให้แก่โจทก์ ส่วนที่เกิน ๑๗,๖๑๐ บาท ให้แก่จำเลย และคืนค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์ส่วนที่เกิน ๓๕,๓๒๐ บาท ให้แก่จำเลย.