คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8259/2559

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์กับจำเลยตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งศาลแรงงานกลางพิพากษาตามยอม โดยตกลงกันว่าจำเลยยอมชำระเงินจำนวนหนึ่งน้อยกว่ายอดเงินเต็มตามฟ้องแก่โจทก์ โดยแบ่งชำระ 6 งวด ตามกำหนด และจะชำระโดยวิธีโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของโจทก์ หากจำเลยผิดนัดงวดหนึ่งงวดใดให้ถือว่าผิดนัดทั้งหมดยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทันทีในยอดเงินเต็มตามฟ้องพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันผิดนัดเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ การตีความว่าจำเลยจะต้องรับผิดชำระยอดเงินเต็มตามฟ้องจะต้องเป็นไปตามความประสงค์หรือเจตนาอันมีร่วมกันของคู่สัญญาซึ่งเป็นเจตนาที่คาดหมายในทางสุจริตโดยพิเคราะห์ถึงปกติประเพณีด้วยตาม ป.พ.พ. มาตรา 368 ดังนั้น คำว่า “จำเลยผิดนัดงวดใดงวดหนึ่ง” จึงหมายถึงกรณีจำเลยจงใจหรือเจตนาผิดนัดชำระหนี้แก่โจทก์
จำเลยชำระเงินให้แก่โจทก์ครบทั้ง 6 งวด ตามสัญญาประนีประนอมความที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาตามยอม โดยการชำระเงินงวดที่ 1 ถึงที่ 4 ตรงตามกำหนด การชำระเงินงวดที่ 5 ถึงกำหนดวันอาทิตย์ จำเลยจึงชำระเงินแก่โจทก์โดยวิธีโอนเงินเข้าบัญชีของโจทก์ในวันจันทร์ และการชำระเงิน งวดสุดท้ายถึงกำหนดสิ้นเดือนเมษายน 2556 วันที่ 1 พฤษภาคม 2556 เป็นวันแรงงานแห่งชาติอันเป็นวันหยุดของสถานประกอบการของจำเลย จำเลยจึงโอนเงินงวดสุดท้ายให้โจทก์ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2556 อันเป็นโอกาสแรกที่ทำได้ ซึ่งล่วงเลยเวลาที่กำหนดมาเพียง 2 วัน ดังนี้เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์การผ่อนชำระหนี้ของจำเลยโดยตลอดแล้ว ยังไม่เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าจำเลยจงใจหรือมีเจตนาผิดนัดชำระหนี้แก่โจทก์อันเป็นการปฏิบัติผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะบังคับคดีในยอดเงินเต็มตามฟ้อง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าชดเชย ค่าเปอร์เซ็นต์การขาย ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีและค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมรวม 327,300 บาท พร้อมดอกเบี้ย ระหว่างพิจารณาโจทก์และจำเลยตกลงกันได้ โดยทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งศาลแรงงานกลางพิพากษาให้คดีเป็นอันเสร็จเด็ดขาดไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความแล้ว
หลังทำสัญญาประนีประนอมยอมความจำเลยโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของโจทก์ ก่อนจำเลยโอนเงินชำระหนี้งวดสุดท้าย โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ออกหมายบังคับคดี
ศาลแรงงานกลางออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี ต่อมาเจ้าพนักงานบังคับคดีได้มีหมายแจ้งอายัดบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาลาดพร้าว 71 ประเภทออมทรัพย์ ของจำเลย
จำเลยยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการบังคับคดี
ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยกำหนดวันชำระหนี้ที่แน่นอนไว้แล้ว เมื่อได้ความว่าจำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ตรงตามกำหนด โจทก์จึงชอบที่จะใช้สิทธิบังคับคดีได้ทันที แม้จำเลยจะอ้างว่าได้ชำระหนี้ให้โจทก์แล้วก็เป็นการชำระหนี้หลังผิดสัญญา กรณีจึงไม่มีเหตุเพิกถอนการชำระหนี้ (ที่ถูกน่าจะเป็น เพิกถอนการบังคับคดี)
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า จำเลยปฏิบัติผิดสัญญาประนีประนอมยอมความหรือไม่ เห็นว่า ตามสัญญาประนีประนอมยอมความโจทก์ยอมที่จะรับเงินจากจำเลยจำนวน 150,000 บาท ส่วนข้อตกลงที่ว่า หากจำเลยผิดนัดงวดหนึ่งงวดใดให้ถือว่าผิดนัดทั้งหมดยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทันทีในยอดเงินเต็มจำนวนพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันผิดนัดเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์นั้น เป็นการลงโทษจำเลยกรณีจำเลยผิดนัดชำระหนี้ กล่าวคือถ้าจำเลยผิดนัดชำระหนี้นอกจากจะต้องชำระเงินจำนวน 150,000 บาทแล้ว จำเลยยังต้องชำระเงินเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 177,300 บาท จึงเป็นยอดเงินเต็มตามฟ้อง ทั้งจำเลยยังต้องชำระหนี้ส่วนที่เป็นดอกเบี้ยอีกด้วย จึงต้องตีความสัญญาส่วนนี้ไปตามความประสงค์หรือเจตนาอันมีร่วมกันของคู่สัญญาซึ่งเป็นเจตนาที่คาดหมายในทางสุจริต โดยพิเคราะห์ถึงปกติประเพณีด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 368 ดังนั้น คำว่า ผิดนัดงวดหนึ่งงวดใดในสัญญาประนีประนอมยอมความฉบับนี้จึงหมายถึงกรณีจำเลยจงใจหรือเจตนาผิดนัดนั่นเอง ปรากฏว่าจำเลยปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความโดยโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของโจทก์ในงวดที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ในวันสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2555 ธันวาคม 2555 มกราคม 2556 และกุมภาพันธ์ 2556 ตามลำดับ ตามที่กำหนดไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความทุกงวด ส่วนงวดที่ 5 ถึงกำหนดโอนเงินวันที่ 31 มีนาคม 2556 ตรงกับวันอาทิตย์จำเลยจึงโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของโจทก์ในวันจันทร์ที่ 1 เมษายน 2556 สำหรับงวดสุดท้ายถึงกำหนดโอนเงินให้โจทก์ในวันที่ 30 เมษายน 2556 แต่จำเลยไม่ได้โอนให้โจทก์ในวันดังกล่าว ประกอบกับวันที่ 1 พฤษภาคม 2556 เป็นวันแรงงานแห่งชาติอันเป็นวันหยุดงานของสถานประกอบการ จำเลยโอนเงินงวดสุดท้ายให้โจทก์ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2556 อันเป็นโอกาสแรกที่ทำได้ ซึ่งล่วงเลยเวลาที่กำหนดมาเพียงสองวัน ดังนี้เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์การผ่อนชำระหนี้ของจำเลยมาโดยตลอดยังไม่เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าจำเลยจงใจหรือมีเจตนาผิดนัดชำระหนี้อันเป็นการปฏิบัติผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะบังคับคดีในยอดเงินเต็มตามฟ้อง ที่ศาลแรงงานกลางออกหมายบังคับคดีจำเลยไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้เพิกถอนหมายบังคับคดี

Share