คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8254/2549

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายถูกปิดตาไม่สามารถมองเห็นการกระทำของจำเลย จำเลยกระทำต่อผู้เสียหายเหมือนกันทุกครั้ง โดยจับผู้เสียหายนอนหงายแล้วจำเลยนอนทับตัวผู้เสียหาย การที่จำเลยทับตัวผู้เสียหายก็ดี ใช้ขาจำเลยหนีบขาผู้เสียหายก็ดี ผู้เสียหายไม่รู้สึกเจ็บปวดที่อวัยวะเพศก็ดี ความรู้สึกเหล่านี้ผู้เสียหายย่อมรับรู้และเข้าใจได้ ส่วนความรู้สึกว่ามีสิ่งของเข้าไปในอวัยวะเพศและมีน้ำอุ่นๆเข้าไปภายในอวัยวะเพศนั้นผู้เสียหายไม่สามารถรับรู้และเข้าใจในความรู้สึกนั้น การที่ผู้เสียหายไม่รู้สึกเจ็บปวดที่อวัยวะเพศ มีน้ำอุ่นๆเปรอะบริเวณหน้าขา และเจ็บหน้าขาที่ถูกจำเลยหนีบ จำเลยอายุ 45 ปี ผู้เสียหายอายุ 10 ปีเศษ จำเลยรูปร่างสูงใหญ่และแข็งแรงกว่าผู้เสียหายมาก หากจำเลยมีเจตนากระทำชำเราผู้เสียหาย ผู้เสียหายย่อมไม่อาจต้านทานได้ และจำเลยย่อมไม่กระทำต่อผู้เสียหายในลักษณะท่าทีใช้ขาทั้งสองข้างหนีบขาผู้เสียหาย ผลการตรวจร่างกายผู้เสียหายไม่พบร่องรอยบาดแผลส่วนเยื่อพรหมจารีขาดไปนานแล้ว พยานหลักฐานโจทก์และโจทก์ร่วมดังกล่าวเชื่อได้ว่าอวัยวะเพศจำเลยไม่ได้ผ่านเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหาย แสดงว่าจำเลยเจตนากระทำต่อผู้เสียหายแต่ภายนอก จึงมีความผิดฐานกระทำอนาจาร ซึ่งศาลลงโทษได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคหก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277, 91
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นางผ่านมารดาผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคสอง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 12 ปี รวมสองกระทง จำคุก 24 ปี คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยกระทำชำเราผู้เสียหายหรือไม่ เห็นว่า ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายถูกปิดตาไม่สามารถมองเห็นการกระทำของจำเลย จำเลยกระทำต่อผู้เสียหายเหมือนกันทุกครั้ง การที่จำเลยใช้ขาหนีบขาผู้เสียหายก็ดี จำเลยทับตัวผู้เสียหายก็ดี มีน้ำอุ่น ๆ เปรอะหน้าขาผู้เสียหายก็ดี ผู้เสียหายไม่รู้สึกเจ็บปวดที่อวัยวะเพศก็ดี ความรู้สึกเหล่านี้ผู้เสียหายย่อมรับรู้และเข้าใจได้ ส่วนความรู้สึกว่ามีสิ่งของเข้าไปในอวัยวะเพศและมีน้ำอุ่น ๆ เข้าไปในอวัยวะเพศนั้น เชื่อว่าผู้เสียหายไม่สามารถรับรู้และเข้าใจในความรู้สึกนั้น ผู้เสียหายเบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่าไม่รู้สึกเจ็บปวดที่อวัยวะเพศ มีน้ำอุ่น ๆ เปรอะที่หน้าขาและที่เจ็บขณะปีนต้นมะเฟืองก็เป็นการเจ็บที่หน้าขาที่ถูกจำเลยหนีบ จำเลยอายุ 44 ปี ผู้เสียหายอายุ 10 ปีเศษ รูปร่างของจำเลยสูงใหญ่และแข็งแรงกว่าผู้เสียหายมาก หากจำเลยเจตนากระทำชำเราผู้เสียหาย ผู้เสียหายไม่อาจต้านทานจำเลยได้ และจำเลยย่อมไม่กระทำต่อผู้เสียหายในลักษณะท่าทีใช้ขาทั้งสองข้างหนีบขาผู้เสียหาย ผลการตรวจร่างกายผู้เสียหายปรากฏว่าอวัยวะเพศไม่พบร่องรอยบาดแผล ส่วนเยื่อพรหมจารีขาดไปนานแล้ว พยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมดังกล่าวเชื่อว่าอวัยวะเพศของจำเลยไม่ได้ผ่านเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหาย แสดงว่าจำเลยเจตนากระทำต่อผู้เสียหายเพียงภายนอก จำเลยจึงมีความผิดฐานกระทำอนาจารต่อผู้เสียหาย ซึ่งศาลสามารถลงโทษจำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้าย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษานั้น ศาลฎีกาเห็นด้วยบางส่วน ฎีกาของจำเลยฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคหนึ่ง จำคุกกระทงละ 7 ปี รวมสองกระทง จำคุก 14 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4.

Share