คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8233-8236/2547

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลแรงงานกลางสั่งรับคดีของโจทก์ทั้งสี่ไว้พิจารณาและได้กำหนดนัดพิจารณาและนัดสืบพยานโจทก์รวมสามครั้ง แม้จะกำหนดให้นัดสืบพยานโจทก์รวมไปด้วยก็เป็นเพียงวิธีการเร่งรัดการดำเนินกระบวนพิจารณาให้รวดเร็วยิ่งขึ้นเท่านั้น วันนัดดังกล่าวเป็นการกำหนดนัดพิจารณาตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา 37 หากโจทก์ทราบ คำสั่งให้มาศาลโดยชอบแล้ว ไม่ไปศาลตามกำหนดโดยไม่แจ้งให้ศาลแรงงานทราบถึงเหตุที่ไม่ไปศาล ให้ถือว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป และศาลแรงงานต้องมีคำสั่งจำหน่ายคดีของโจทก์จากสารบบความตาม มาตรา 40 วรรคหนึ่ง โจทก์ทั้งสี่ไปศาลในวันนัดดังกล่าวทุกครั้ง จึงไม่มีกรณีที่จะอ้างเป็นเหตุจำหน่ายคดีของโจทก์ทั้งสี่ตาม มาตรา 40 วรรคหนึ่ง เมื่อโจทก์ทั้งสี่กับจำเลยไม่อาจตกลงกัน การที่ศาลแรงงานกลางได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทและ วันนัดสืบพยานตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 39 วรรคหนึ่ง และโจทก์ทั้งสี่ไม่ไปศาลในวันนัดสืบพยานจำเลยนัดแรก เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2546 นั้น คงมีผลเพียงทำให้โจทก์ทั้งสี่เสียสิทธิที่จะขออนุญาตศาลแรงานกลางถามพยานจำเลย เพื่อทำลายน้ำหนักพยานจำเลยเท่านั้น ไม่มีเหตุที่ศาลจะมีคำสั่งจำหน่ายคดีของโจทก์ตามมาตรา 40 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

คดีทั้งสี่สำนวนศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้รวมการพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันโดยให้เรียกโจทก์เรียงตามลำดับสำนวนว่าโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 4
โจทก์ทั้งสี่สำนวนฟ้องทำนองเดียวกันว่า โจทก์ทั้งสี่เป็นลูกจ้างจำเลย จำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งสี่ด้วยวาจา โดยโจทก์ทั้งสี่ไม่ได้กระทำผิด และไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค้างจ่าย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี และค่าชดเชยจำนวนดังแก่โจทก์ทั้งสี่พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินค่าจ้างค้างจ่าย ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักประจำปี และค่าชดเชยนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์แต่ละคน
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้เลิกจ้างโจทก์ทั้งสี่ด้วยวาจาตามฟ้องโจทก์ทั้งสี่แต่อย่างใด จำเลยทั้งสี่ยินดีที่จะ ลาออกเอง จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดจ่ายเงินให้แก่โจทก์ทั้งสี่ตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าชดเชย และค่าจ้างสำหรับ วันหยุดพักผ่อนประจำปีพร้อมดอกเบี้ย นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ 2
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า เมื่อศาลแรงงานกลางสั่งรับคดีของโจทก์ทั้งสี่ไว้พิจารณาและได้กำหนดนัดพิจารณาและนัดสืบพยานโจทก์ในครั้งที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2546 เวลา 13.30 นาฬิกา วันที่ 24 มกราคม 2546 เวลา 13 นาฬิกา และวันที่ 29 มกราคม 2546 เวลา 9 นาฬิกา ตามลำดับนั้น แม้ศาลแรงงานกลางจะกำหนดให้นัดสืบพยานโจทก์รวมไปกับวันพิจารณาดังกล่าวด้วยก็เป็นเพียงวิธีการเร่งรัดการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีแรงงานให้รวมเร็วยิ่งขึ้นเท่านั้น วันนัดพิจารณาคดีทั้งสามครั้งดังกล่าวของศาลแรงงานกลางเป็นการกำหนดนัดพิจารณาตามที่ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 37 บัญญัติไว้ ทั้งนี้ เพื่อให้โจทก์ทั้งสี่และจำเลยมาศาลพร้อมกันแล้วให้ศาลแรงงานกลางไกล่เกลี่ยให้คู่ความตกลงกัน หรือประนีประนอมยอมความกัน โดยถือว่าคดีแรงงานมีลักษณะพิเศษอันควรระงับลงได้ด้วยความเข้าใขอันดี่ต่อกันเพื่อที่ทั้งสองฝ่ายจะได้มี ความสัมพันธ์กันต่อไป ทั้งนี้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 38 ในวันนัดพิจารณาตามที่บัญญัติในมาตรา 37 นี้ หากโจทก์ได้ทราบคำสั่งให้มาศาลโดยชอบแล้ว แต่โจทก์ไม่ไปศาลตามกำหนดโดยไม่แจ้งให้ศาลแรงงานทราบถึงเหตุที่ไม่ไปศาล ให้ถือว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป ศาลแรงงานกลางต้องมีคำสั่งจำหน่ายคดีของโจทก์จากสารบบความตามมาตรา 40 วรรคหนึ่ง แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าในวันนัดพิจารณาและนัดสืบพยานโจทก์ทั้งสามครั้งดังกล่าวโจทก์ทั้งสี่ไปศาลตามกำหนดนัดทุกครั้ง จึงไม่มีกรณีที่จะถือว่าโจทก์ทั้งสี่ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป อันจะอ้างเป็นเหตุจำหน่ายคดีของโจทก์ทั้งสี่ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป อันจะอ้างเป็นเหตุจำหน่ายคดีของโจทก์ตามมาตรา 40 วรรคหนึ่ง แต่เมื่อโจทก์ทั้งสี่กับจำเลยไม่อาจตกลงกัน การที่ศาลแรงงานกลางได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทและวันนัดสืบพยาน ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 39 วรรคหนึ่ง ก็เพื่อที่ศาลแรงงานกลางจะได้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปในอันที่จะให้ได้ความแจ้งชัดใน ข้อเท็จจริงแห่งคดีถึงที่บัญญัติไว้ในมาตรา 45 ดังนั้น การที่โจทก์ทั้งสี่ไม่ไปศาลในวันนัดสืบพยานจำเลยนัดแรกเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2546 นั้น คงมีผลเพียงทำให้โจทก์ทั้งสี่เสียสิทธิที่จะขออนุญาตศาลแรงานกลางถามพยานจำเลยเพื่อทำลายน้ำหนักพยานจำเลยเท่านั้น ไม่มีเหตุที่ศาลจะมีคำสั่งจำหน่ายคดีของโจทก์
พิพากษายืน.

Share