คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 822/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยตกลงขายที่พิพาทซึ่งโจทก์เคยขายฝากไว้แก่สามีจำเลยคืนแก่โจทก์และรับเงินราคาค่าที่ดินจากโจทก์ไว้แล้ว ต่อมาได้พากันไปยังหอทะเบียนที่ดิน เพื่อแบ่งแยกและโอนขายที่ดินให้กันตามที่ตกลงแต่โอนยังไม่ได้ เพราะจำเลยยังมิได้ประกาศรับมรดกสามีจำเลย จำเลยจึงทำใบมอบฉันทะให้จำเลยด้วยกัน เพื่อจะแบ่งแยกที่ดินและโอนขายให้โจทก์ไว้เช่นนี้ ถือว่าเป็นสัญญาจะซื้อขาย หาใช่เป็นสัญญาขายเด็ดขาดไม่จึงไม่จำต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยโอนขายที่ดินโฉนดที่ 1852 ให้โจทก์ทางด้านตะวันออก เนื้อที่ประมาณ 12 ไร่ 2 งาน ให้โจทก์

ข้อเท็จจริงได้ความว่า เดิมเมื่อ 18 ปีมาแล้ว โจทก์ได้ขายฝากนาพิพาทซึ่งยังไม่มีหนังสือสำคัญไว้แก่นายเหลี่ยมสามีจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 260 บาท มิได้ทำหนังสือสัญญาต่อกัน ตกลงกันว่าให้ซื้อคืนได้เท่าราคาเดิม ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2483 นายเหลี่ยมได้ขอออกโฉนดที่ดินของตนรวมกับที่ของโจทก์เป็นโฉนดเดียวกัน คือโฉนดที่ 1852 และเอาชื่อจำเลยที่ 2, 3, 4 ลงในโฉนดร่วมกับนายเหลี่ยมด้วย ต่อมานายเหลี่ยมตาย จำเลยเป็นผู้รับมรดก โจทก์จึงขอซื้อนาคืนจากจำเลย เมื่อเดือน 6 พ.ศ. 2489 จำเลยตกลงขายคืนให้แต่เกี่ยงเอาเงินเพิ่มขึ้นอีก 100 บาท โจทก์ตกลงและจ่ายเงินให้จำเลยไปครบ 360 บาท จำเลยมอบนาให้โจทก์ครอบครอง แต่ไม่ได้ทำหนังสือต่อกัน เพราะเกี่ยวเป็นญาติ ต่อมา 2-3 วัน โจทก์จำเลยพากันจะไปโอนที่ดินที่หอทะเบียน แต่โอนยังไม่ได้ เพราะยังไม่ได้ประกาศรับมรดกนายเหลี่ยม โจทก์ออกเงินค่าประกาศรับมรดกให้จำเลยนางมาก นางเงินจำเลยได้ทำใบมอบฉันทะให้นายเชื้อจำเลยเพื่อไปทำการแบ่งแยกที่ดินโอนขายให้โจทก์ในราคา 360 บาท ให้โจทก์ยึดถือไว้ ครบกำหนดประกาศมรดก จำเลยไม่ไปโอนมรดกและโอนขายให้โจทก์ ต่อมาวันที่ 15 มีนาคม 2491 นายเชื้อนางมากนางเงินจำเลยจึงไปโอนรับมรดกนายเหลี่ยมสำเร็จ แต่ไม่ยอมแบ่งแยกขายให้โจทก์จึงฟ้องคดีนี้

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้จำเลยโอนขายที่ดินโฉนดที่ 1852 ประมาณ 12 ไร่ 2 งาน ตามฟ้องให้โจทก์

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามพฤติการณ์ที่ปรากฏตามข้อเท็จจริงที่กล่าวแล้ว เป็นสัญญาจะซื้อขาย หาใช่เป็นสัญญาขายเด็ดขาดไม่ จึงไม่จำเป็นต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงพิพากษายืน

Share