แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีหาเป็นคดีอาญาว่า จำเลยบุกรุกทำให้เสียทรัพย์ และได้เรียกค่าเสียหายมาด้วย แม้ศาลจะพิพากษายกฟ้องในความผิดทางอาญา ฐานทำให้เสียทรัพย์สำหรับค่าเสียหายว่า จำเลยจะต้องรับผิดเพียงไร หรือไม่ ซึ่งศาลควรต้องพิพากษาให้ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่า ความรับผิดของบุคคลในทางแพ่ง ตาม ป.ม.วิ.อาญา มาตรา 47.
คดีที่ศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ ศาลฎีกามีอำนาจสั่งคืนค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และฎีกาให้แก่ผู้ชนะคดีในชั้นฎีกาได้.
ประชุมใหญ่ครั้งที่ 13/92
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยสมคบกันบุกรุกที่ดินของโจทก์และทำให้เสียทรัพย์ กับเรียกค่าเสียหาย จำเลยทั้ง ๔ ให้การปฏิเสธ จำเลยที่ ๑ ต่อสู้ว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลย ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่า อย่างน้อยจำเลยต้องมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ จึงขอให้ลงโทษตามฟ้อง และใช้ค่าเสียหาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ว่า ข้อหาฐานบุกรุกและฐานทำให้เสียทรัพย์ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกฟ้องในข้อเท็จจริง โจทก์ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
ส่วนค่าเสียหาย ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โดยชี้ขาดเพียงว่าเป็นคดีแพ่งเท่านั้น มิได้วินิจฉัยว่าจำเลยจะต้องรับผิดเพียงไรหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า ควรต้องพิพากษาตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายอันว่าด้วยความรับผิดของบุคคลในทางแพ่ง ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา ๔๗
พิพากษาแก้ฉะเพาะข้อค่าเสียหาย ให้ศาลชั้นต้นพิพากษาชี้ขาดฉะเพาะข้อนี้ใหม่ ค่าฤชาธรรมเนียมขั้นอุทธรณ์และฎีกา ให้คืนให้โจทก์