คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 82/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 อาสาขับรถให้จำเลยที่ 3 โดยมีจำเลยที่ 3 เจ้าของรถนั่งไปด้วย ระหว่างทางจำเลยที่ 1 ขับรถโดยประมาทชนรถยนต์ของโจทก์เสียหาย กรณีเช่นนี้จำเลยที่ 1 ไม่ใช่ตัวแทนจำเลยที่ 3 เพราะมิใช่เป็นกิจการที่ทำแทนตัวการต่อบุคคลที่ 3 เป็นกิจการในระหว่างจำเลยที่ 3 เจ้าของรถกับจำเลยที่ 1 ผู้อาสา จำเลยที่ 3 ผู้ครอบครองและจำเลยที่ 1 ผู้ควบคุมรถยนต์อันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกลจึงต้องร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดแก่ยานพาหนะนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้างหรือตัวแทนจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้ครอบครองรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ก.ท.ฉ-๕๒๔๒ จำเลยที่ ๑ ขณะปฏิบัติหน้าที่ในทางการที่จ้างหรือตัวแทนได้ขับรถยนต์คันหมายเลขดังกล่าวด้วยความประมาทชนรถยนต์ ของโจทก์เสียหาย จึงขอให้บังคับจำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหาย
ในระหว่างการพิจารณาโจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ ๒ ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๓ ให้การว่าจำเลยที่ ๑ ไม่ใช่ลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยที่ ๓ วันเกิดเหตุจำเลยที่ ๑ รับอาสาขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ก.ท.ฉ-๕๒๔๒ ของจำเลยที่ ๓ โจทก์ที่ ๑ ขับรถยนต์ด้วยความประมาทและเรียกร้องค่าเสียหายเกินความจริงขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเชื่อว่าจำเลยที่ ๑ เป็นฝ่ายประมาท วันเกิดเหตุจำเลยที่ ๑ อาสาขับรถให้จำเลยที่ ๓ ไปส่งให้พ้นเขตที่มีการจราจรจอแจ แล้วจึงให้จำเลยที่ ๓ ขับต่อกลับไป จึงเป็นเรื่องตัวการตัวแทนตามกฎหมาย เมื่อจำเลยที่ ๑ ขับรถของจำเลยที่ ๓ ไปชนรถของผู้อื่นจนเกิดความเสียหาย จำเลยที่ ๓ ซึ่งเป็นตัวการจึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ ด้วย จึงพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ร่วมกันหรือแทนกันใช้ค่าเสียหายให้โจทก์
จำเลยที่ ๓ อุทธรณ์ว่ามิได้มีความสัมพันธ์กับจำเลยที่ ๑ ในฐานะตัวการตัวแทนจึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๓ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าการที่จำเลยที่ ๑ ขับรถให้จำเลยที่ ๓ โดยอาสาขับรถไปส่งให้พ้นเขตที่มีการจราจรคับคั่ง กรณีเช่นนี้ไม่ใช่ตัวแทนเพราะมิใช่เป็นกิจการที่ทำแทนตัวการต่อบุคคลที่ ๓ เป็นกิจการในระหว่างจำเลยที่ ๓ เจ้าของรถ กับจำเลยที่ ๑ ผู้อาสา ไม่เกี่ยวกับบุคคลที่ ๓ เลย จำเลยที่ ๓ ผู้ครอบครองและจำเลยที่ ๑ ผู้ควบคุมรถยนต์อันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกลจึงต้องร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๓๗ ศาลฎีกาเห็นด้วยในผลแห่งคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง
พิพากษายืน

Share