คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 819/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยฟ้อง ป. เป็นจำเลยต่อศาลว่า ป. ทำสัญญาให้จำเลยเช่าตึกแถวพิพาทแล้วไม่จดทะเบียนการเช่าให้ ขอให้พิพากษาบังคับให้ ป. จดทะเบียนการเช่าตึกแถวพิพาทให้แก่จำเลยซึ่งโจทก์มิใช่คู่ความในคดีดังกล่าว แม้ศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ก็ไม่เป็นการห้ามมิให้โจทก์ซึ่งรับโอนกรรมสิทธิ์ตึกแถวพิพาทจาก ป. ฟ้องขับไล่จำเลยเป็นคดีนี้ ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีดังกล่าว
โจทก์ฟ้องขับไล่ อ. ออกจากตึกแถวพิพาท เมื่อศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี โจทก์จึงยื่นคำร้องต่อศาลว่าจำเลยเป็นบริวารของ อ. ขอให้ออกหมายบังคับคดีให้จำเลยออกไปจากตึกแถวพิพาท จำเลยยื่นคำร้องคัดค้านว่า จำเลยได้เช่าตึกแถวพิพาทจาก ป. และศาลพิพากษาให้ ป. จดทะเบียนสิทธิการเช่าให้แก่จำเลยแล้วจำเลยไม่ใช่บริวารของ อ. การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีให้จำเลยออกจากตึกแถวพิพาทโดยอ้างว่าจำเลยเป็นบริวารของ อ. ในคดีดังกล่าว และศาลก็ยังไม่มีคำสั่งชี้ขาดว่าจำเลยเป็นบริวารของ อ. หรือไม่ มิใช่เป็นการยื่นฟ้องคดีต่อศาล ดังนั้น การที่โจทก์ฟ้องคดีนี้โดยอ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าของตึกแถวพิพาท จำเลยไม่มีสิทธิอยู่ในตึกแถวดังกล่าวขอให้ขับไล่ จึงมิใช่เป็นการยื่นคำฟ้องเรื่องเดียวกันกับคดีดังกล่าวคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้อนกับคดีดังกล่าว
จำเลยอยู่ในตึกแถวพิพาทเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของตลอดเวลาที่จำเลยยังอยู่ในตึกแถวของโจทก์ โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายนับถึงวันฟ้องเป็นเวลา 1 ปี คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของตึกแถวเลขที่ ๘/๑๔ แขวงพระโขนง เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร โดยนายประเสริฐ เชื้อสกุล ผู้รับเหมาก่อสร้างได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้ จำเลยได้เข้าไปครอบครองอยู่อาศัยทำการค้าในตึกแถวดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ และโดยไม่มีสิทธิใด ๆ ที่จะอ้างได้ตามกฎหมายอันเป็นการละเมิด โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยและบริวารขนย้ายออกจากตึกแถวของโจทก์แล้วจำเลยเพิกเฉย ขอให้พิพากษาบังคับให้จำเลยและบริวารขนย้ายออกไปและส่งมอบตึกแถวเลขที่ ๘/๑๔ ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายจำนวน ๑๘๐,๐๐๐ บาท กับค่าเสียหายอีกเดือนละ ๑๕,๐๐๐ บาท แก่โจทก์นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยและบริวารจะขนย้ายออกไปและส่งมอบตึกแถวดังกล่าว
จำเลยให้การว่า ตึกแถวเลขที่ ๘/๑๔ เป็นของนายประเสริฐ เชื้อสกุล นายประเสริฐได้ทำสัญญาให้จำเลยเช่าตึกแถวนี้มีกำหนด๑๕ ปี นับแต่วันจดทะเบียนการเช่า ในอัตราค่าเช่าเดือนละ ๑๐๐ บาท จำเลยได้ชำระเงินค่าตอบแทนให้แก่นายประเสริฐไปแล้วเป็นเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท แต่นายประเสริฐมิได้ไปจดทะเบียนการเช่าให้แก่จำเลย จำเลยได้ยื่นฟ้องนายประเสริฐต่อศาลจังหวัดลำปางซึ่งศาลมีคำพิพากษา คดีเสร็จเด็ดขาดแล้วให้นายประเสริฐไปจดทะเบียนการเช่าตึกแถวให้แก่จำเลย ปรากฏตามคดีหมายเลขแดงที่ ๒๓๑/๒๕๒๕จำเลยจึงเข้าอยู่ในตึกแถวเลขที่ ๘/๑๔ โดยอาศัยสิทธิตามสัญญาต่างตอบแทนที่ทำกับนายประเสริฐ และตามคำพิพากษาของศาล และเดิมตึกแถวเลขที่ ๘/๑๔ นี้ นางอัมพร ลิขิตยิ่งอมร เป็นผู้เช่าอยู่ก่อนจำเลยเมื่อประมาณต้นเดือนมิถุนายน ๒๕๒๕ โจทก์และนางอัมพรสมคบกันหลอกลวงจำเลยว่าโจทก์มีสิทธิให้เช่าตึกแถวเลขที่ ๘/๑๔ และได้ให้นางอัมพรเช่า มีกำหนด ๑๕ ปี แล้วนางอัมพรโดยความรู้เห็นยินยอมจากโจทก์ ได้โอนสิทธิการเช่าตึกแถวเลขที่ ๘/๑๔ ให้แก่จำเลยโดยเรียกเงินค่าตอบแทนจากจำเลยเป็นเงิน ๑๒๐,๐๐๐ บาท จำเลยจึงมีสิทธิอยู่ในตึกแถวเลขที่ ๘/๑๔ หาเป็นการละเมิดตามฟ้องของโจทก์ไม่ ต่อมาโจทก์กับนางอัมพรคบคิดกันโดยโจทก์ยื่นฟ้องนางอัมพรกับพวกต่อศาลแพ่งขอให้ขับไล่ออกจากตึกแถวเลขที่ ๘/๑๔นางอัมพรไม่สู้คดีโจทก์ชนะคดี ปรากฏตามคดีหมายเลขแดงที่๑๒๘๐๑/๒๕๒๕ แล้วโจทก์แถลงต่อศาลว่าจำเลยเป็นบริวารของนางอัมพรขอให้ออกหมายจับจำเลยมากักขัง จำเลยยื่นคำร้องคัดค้านว่า จำเลยไม่ใช่เป็นบริวารของนางอัมพร คดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยเป็นบริวารหรือไม่ ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำกับฟ้องในคดีหมายเลขแดงที่ ๒๓๑/๒๕๒๕ และเป็นฟ้องซ้อนกับคดีหมายเลขแดงที่ ๑๒๘๐๑/๒๕๒๕ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม หากเป็นเรื่องละเมิด คดีโจทก์ขาดอายุความ โจทก์ฟ้องขับไล่หรือเรียกค่าเสียหายโดยมิได้มีการบอกกล่าวเสียก่อน โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง โจทก์มิได้เสียหายตามฟ้อง หากจะเสียหายก็ไม่เกินเดือนละ ๑๐๐ บาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยออกจากตึกแถวเลขที่ ๘/๑๔แขวงพระโขนง เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร และส่งมอบตึกแถวดังกล่าวให้แก่โจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน๙๖,๐๐๐ บาท และค่าเสียหายนับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยและบริวารจะขนย้ายออกไปและส่งมอบตึกแถวให้โจทก์อีกเดือนละ ๘,๐๐๐ บาทนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงเชื่อว่า โจทก์เป็นเจ้าของตึกแถวพิพาทและจำเลยอยู่ในตึกแถวดังกล่าวโดยไม่ชอบเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์
วินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า พิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์จำเลยนำสืบแล้วจะได้วินิจฉัยฎีกาของจำเลยเป็นประการแรกว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำกับฟ้องในคดีหมายเลขแดงที่ ๒๓๑/๒๕๒๕ ของศาลจังหวัดลำปาง และเป็นฟ้องซ้อนกับฟ้องในคดีหมายเลขแดงที่๑๒๘๐๑/๒๕๒๕ ของศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นว่า คดีหมายเลขแดงที่๒๓๑/๒๕๒๕ เป็นคดีที่จำเลยฟ้องนายประเสริฐเป็นจำเลยต่อศาลว่านายประเสริฐทำสัญญาให้จำเลยเช่าตึกแถวพิพาทแล้วไม่จดทะเบียนการเช่าให้ ขอให้พิพากษาบังคับให้นายประเสริฐจดทะเบียนการเช่าตึกแถวพิพาทให้แก่จำเลย ซึ่งโจทก์มิใช่คู่ความในคดีดังกล่าว แม้ศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ก็ไม่เป็นการห้ามมิให้โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีหมายเลขแดงที่ ๒๓๑/๒๕๒๕สำหรับคดีหมายเลขแดงที่ ๑๒๘๐๑/๒๕๒๕ นั้น เป็นคดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่นางอัมพรจากตึกแถวพิพาท เมื่อศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีโจทก์จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลว่าจำเลยเป็นบริวารนางอัมพรขอให้ออกหมายบังคับคดีให้จำเลยออกไปจากตึกแถวพิพาทซึ่งจำเลยยื่นคำร้องคัดค้านว่าจำเลยได้เช่าตึกแถวพิพาทกับนายประเสริฐ และศาลพิพากษาให้นายประเสริฐจดทะเบียนสิทธิการเช่าให้แก่จำเลยแล้ว จำเลยไม่ใช่บริวารของนางอัมพร การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีให้จำเลยออกจากตึกแถวพิพาทโดยอ้างว่าจำเลยเป็นบริวารนางอัมพรในคดีดังกล่าว และศาลก็ยังไม่มีคำสั่งชี้ขาดว่าจำเลยเป็นบริวารของนางอัมพรหรือไม่ มิใช่เป็นการยื่นฟ้องคดีต่อศาลดังนั้นที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ โดยอ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าของตึกแถวพิพาทจำเลยไม่มีสิทธิอยู่ในตึกแถวดังกล่าว ขอให้ขับไล่ จึงมิใช่เป็นการยื่นคำฟ้องเรื่องเดียวกับคดีดังกล่าว คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้อนกับคดีหมายเลขแดงที่ ๑๒๘๐๑/๒๕๒๕
ที่จำเลยฎีกาว่า คดีโจทก์ขาดอายุความนั้น เห็นว่าจำเลยอยู่ในตึกแถวพิพาทเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของตลอดเวลาที่จำเลยยังอยู่ในตึกแถวของโจทก์ โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายนับถึงวันฟ้องเป็นเวลา ๑ ปี คดีโจทก์ไม่ขาดอายุ ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยทุกข้อฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา ๑,๐๐๐ บาทแทนโจทก์.

Share