แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้การที่จำเลยยื่นคำคัดค้านการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์และสามีโจทก์เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ก็ตาม แต่การที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยถอนคำคัดค้านการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์ไม่ใช่การฟ้องเรียกค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 คดีของโจทก์จึงไม่อยู่ในบังคับอายุความตามบทบัญญัติดังกล่าว และเมื่อคำคัดค้านของจำเลยยังไม่มีการเปรียบเทียบ ต้องถือว่าคำคัดค้านนั้นยังมีอยู่ตลอดไปการที่จำเลยไม่ยอมถอนคำคัดค้านทำให้คำคัดค้านนั้นยังมีอยู่ ดังนี้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำละเมิดต่อเนื่องกันตลอดมาจนถึงปัจจุบัน คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินมือเปล่า 1 แปลง เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2520 โจทก์และสามีได้ยื่นคำร้องต่อเจ้าหน้าที่ที่ดินเพื่อให้ทำการรังวัดและออกเอกสารสิทธิหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำการรังวัดและจะออกเอกสารสิทธิให้แก่โจทก์ต่อมาวันที่ 28 เมษายน 2520 จำเลยเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ยื่นคำขอคัดค้านการขอเอกสารสิทธิของโจทก์ต่อเจ้าหน้าที่ที่ดินว่า โจทก์และสามีนำพนักงานเจ้าหน้าที่รังวัดเข้าไปในที่ดินของจำเลยทำให้พนักงานเจ้าหน้าที่ไม่อาจจะออกเอกสารสิทธิหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก) ได้ การกระทำของจำเลยเป็นการจงใจละเมิดต่อโจทก์ติดต่อกันมาจนถึงปัจจุบันขอให้บังคับจำเลยถอนคำคัดค้านการออกเอกสารสิทธิหนังสือรับรองการทำประโยชน์และห้ามเกี่ยวข้องกับการออกเอกสารในที่ดินของโจทก์ต่อไปถ้าจำเลยไม่ยอมถอนคำคัดค้านให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นทรัพย์มรดกจึงตกแก่ทายาทซึ่งรวมทั้งจำเลยด้วย การที่นายเชิดสามีโจทก์ยื่นคำร้องขอออกเอกสารสิทธิจะเอาที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นของตนผู้เดียวเป็นการไม่ชอบ จำเลยซึ่งเป็นผู้ครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าวจึงได้ยื่นคำขอคัดค้านไว้เพื่อป้องกันสิทธิของจำเลยในฐานะทายาทมิได้มีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยยื่นคำขอคัดค้านเป็นการละเมิดต่อโจทก์เมื่อวันที่ 28เมษายน 2520 โจทก์ต้องนำคดีมาฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่วันดังกล่าวแต่โจทก์ฟ้องคดีนี้หลังจากพ้นระยะเวลานั้นแล้วฟ้องของโจทก์จึงขาดอายุความขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยถอนคำคัดค้านการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ถ้าจำเลยไม่ยอมถอนคำคัดค้านให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย และห้ามจำเลยเกี่ยวข้องการออกเอกสารสิทธิในที่ดินของโจทก์อีกต่อไป
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเพียงว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยยื่นคำคัดค้านในการที่โจทก์ขอออกเอกสารสิทธิเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2520 เป็นการละเมิดต่อโจทก์ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์ชอบที่จะดำเนินคดีฟ้องร้องจำเลยภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ 28 เมษายน 2520 แต่โจทก์ฟ้องจำเลยในปี 2535 คดีโจทก์ย่อมขาดอายุความแล้วนั้นเห็นว่า แม้การที่จำเลยยื่นคำคัดค้านการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์และสามีโจทก์เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ก็ตาม แต่การที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยถอนคำคัดค้านการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์ไม่ใช่เป็นการฟ้องเรียกค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 คดีของโจทก์จึงไม่อยู่ในบังคับอายุความตามบทบัญญัติดังกล่าว นอกจากนี้แล้วยังได้ความว่า คำขอคัดค้านที่จำเลยได้คัดค้านการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์นั้นยังไม่มีการเปรียบเทียบ ต้องถือว่าคำคัดค้านนั้นยังมีอยู่ ดังนั้นแม้การที่จำเลยยื่นคำคัดค้านตามสำเนาคำขอคัดค้านนั้นเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2520 เป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ในอันที่จะให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทำการรังวัดเพื่อออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่ที่ดินที่โจทก์ครอบครองทำประโยชน์อยู่ในวันนั้น แต่เมื่อจำเลยไม่ยอมถอนคำคัดค้าน ทำให้คำคัดค้านนั้นยังมีอยู่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ที่ต่อเนื่องกันตลอดมาจนถึงปัจจุบัน คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
พิพากษายืน