คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 816-817/2481

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อเรือกลไฟและเรือใบแล่นไปในทางที่น่ากลัวและอันตรายนั้นเป็นหน้าที่ของเรือกลไฟจะต้องหลีกทางให้เรือใบและเป็นหน้าที่ของเรือ จะต้องแล่นตรง ๆ ไป
การคำนวณค่าเสียหายเพราะเหตุละเมิดเรือโดนกันนั้น ผู้ทำละเมิดจะต้องรับผิดแต่ฉะเพาะค่าซ่อมแซมตามความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยความประมาทของตนเท่านั้น ค่าซ่อมแซมอื่นใดที่ไม่เกี่ยวกับผลแห่งการละเมิดผู้ทำละเมิดหาต้องรับผิดไม่

ย่อยาว

โจทก์จำเลยต่างฟ้องและฟ้องแย้งซึ่งกันแลกันเรียกค่าเสียหายในกรณีที่เรือกลไฟของโจทก์ชนะกับเรือโป๊ะจ้ายของจำเลย โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหาย ๙๐๙ บาท ๗๓ สตางค์ จำเลยฟ้องแย้งเรียก ๖๐๐๗ บาท ๗๗ สตางค์
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังต้องกันว่าเรือกลไฟของโจทก์เป็นฝ่ายผิดจึงพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ และให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายแก่จำเลย ๗๒๓๕ บาท ๔๖ สตางค์
โจทย์จำเลยฏีกา
ศาลฏีกาตัดสินว่าคดีนี้ไม่จำเป็นต้องหยิบยก ม.๔๓๗ แห่งประมวลแพ่งขึ้นวินิจฉัน เพราะในการเดินเรือมีข้อบังคับระหว่างประเทศเพื่อป้องกันเรือโดนกันในทะเลซึ่งประเทศทั้งหลายรวมทั้งประเทศสยามยอมรับเป็นหลักและตามพ.ร.บ.ป้องกันเรือชนกัน ม.๒๐และ ๒๑ บัญญัติว่า เมือเรือกลไฟและเรือใบแล่นไปในทางที่น่ากลัวอันตรายเป็นหน้าที่ของเรือกลไฟจะหลีกทาง และเป็นหน้าที่ ของเรือใบจะแล่นตรงไป เพราะฉะนั้นในเรื่องนี้ย่อมเป็นหน้าที่ของเรือกลไฟโจทก์จะหลีกทางให้ เรือโป๊ะจ้ายของจำเลยเป็นแต่จะแล่นตรงไปเท่า่น้น เมื่อปรากฏว่าเรือกลไฟของโจทก์มีทางหลีกได้แต่ไม่กระทำเช่น นั้น การโดนวันนี้จาึงต้องนับว่าเป็นโดยความประมาทเลินเล่อของฝ่ายโจทก์จำเลยไม่ควรต้องรับผิดใด ๆ ศาลล่างทั้ง ๒ พิพากษาชอบแล้ว ส่วนฎีกาของจำเลยที่ขอค่าเสียหายเพิ่มขึ้นนั้น ปรากฏว่าเรือจำเลยเข้าอู่ซ่อมแซมหาได้ซ่อมแต่แผลที่ถูกเรือโจทก์ชนเท่านั้น ได้ซ่อมแซมและเปลี่ยนของเก่าซึ่งไม่ได้ชำรุดเพราะเรือโดนกันด้วย จำเลยจึงจะเรียกร้องค่าเสียหายกว่าจำนวนราคาค่าซ่อมแซมที่เสียไปมิได้เพราะโจทก์จะต้องรับผิดแต่ฉะเพาะความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยความประมาทของโจทก์เท่านั้น พิพากษาให้ยกฎีกาโจทก์จำเลยเสียค่าฤชา+

Share