แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 2 เป็น เจ้าของรถแท็กซี่คันเกิดเหตุ ได้นำรถแท็กซี่ไปเข้าเป็นสมาชิกในสหกรณ์แท็กซี่ก่อนแล้วให้จำเลยที่ 1 นำออกไปวิ่งรับส่งคนโดยสารเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน จำเลยที่ 1 จึงเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2จำเลยที่ 2 ย่อมต้องร่วมรับผิดในการทำละเมิดของจำเลยที่ 1 ด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยที่ 2 ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของรถแท็กซี่หมายเลขทะเบียน1 ท-3787 กรุงเทพมหานคร จำเลยทั้งสองร่วมกันนำรถวิ่งบริการรับส่งผู้โดยสารเพื่อหาประโยชน์ร่วมกัน โดยจำเลยที่ 1 เป็นคนขับจำเลยที่ 1 ในฐานะลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยที่ 2 ได้ขับรถแท็กซี่คันดังกล่าวในทางการที่จ้างหรือตัวแทนของจำเลยที่ 2 ด้วยความประมาทเป็นเหตุให้ชนโจทก์ได้รับอันตรายสาหัส แขนซ้ายและขาขวาหัก ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายและดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ก็มิใช่เป็นลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยที่ 2 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน71,542.55 บาท ให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีจากต้นเงิน 68,795 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเงินให้แก่โจทก์เสร็จสิ้น จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงจึงฟังเป็นยุติว่า จำเลยที่ 1 ขับรถแท็กซี่หมายเลขทะเบียน 1 ท-3787 กรุงเทพมหานครโดยประมาทชนโจทก์ได้รับบาดเจ็บ มีปัญหาต่อไปว่า จำเลยที่ 2จะต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์หรือไม่ โจทก์นำสืบว่าจำเลยที่ 1 เป็นคนขับรถของจำเลยที่ 2มีผลประโยชน์ร่วมกัน การที่จำเลยที่ 2 จะนำรถแท็กซี่ออกวิ่งรับส่งคนโดยสารได้จะต้องนำรถแท็กซี่ของตนไปเข้ากับสหกรณ์แท็กซี่สหกรณ์แท็กซี่ได้ประโยชน์จากเจ้าของรถโดยได้รับเงินเข้าสมาชิกเจ้าของรถแท็กซี่ได้ประโยชน์ในการที่มีสิทธินำรถแท็กซี่ออกวิ่งรับส่งผู้โดยสารได้ จำเลยที่ 2 ไม่ได้มาเบิกความและไม่ได้นำสืบหักล้างข้อนำสืบของโจทก์ดังกล่าว แต่นายอนุนันท์พยานของจำเลยที่ 2 เบิกความว่า พยานมีรถแท็กซี่ให้เช่า 3 คัน จำเลยที่ 2พี่ชายของพยานมีรถแท็กซี่ให้เช่า 4 คัน และเบิกความตอบทนายโจทก์ถามค้านว่า ก่อนนำรถแท็กซี่ให้เช่าจะต้องนำรถแท็กซี่ไปเข้าเป็นสมาชิกในสหกรณ์ก่อนสหกรณ์ได้ค่าสมาชิก พยานได้ประโยชน์โดยการได้นำรถแท็กซี่ออกวิ่งรับส่งคนโดยสารได้ เป็นสิทธิของพยานที่จะให้ผู้ใดขับรถแท็กซี่ของพยานก็ได้ คำเบิกความของนายอนุนันท์จึงสนับสนุนข้อนำสืบของโจทก์ให้มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ที่นายอนุนันท์พยานจำเลยที่ 2 เบิกความว่าพยานให้จำเลยที่ 1 เช่ารถแท็กซี่คันหมายเลขทะเบียน 1 ท-3878ไปนั้น ก็มิใช่เป็นรถแท็กซี่คันเกิดเหตุคดีนี้แต่อย่างใดข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถแท็กซี่ได้นำรถแท็กซี่หมายเลขทะเบียน 1 ท-3787 กรุงเทพมหานครของจำเลยที่ 2 ไปเข้าเป็นสมาชิกในสหกรณ์แท็กซี่ก่อน แล้วให้จำเลยที่ 1 นำออกไปวิ่งรับส่งคนโดยสารเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันจำเลยที่ 1 จึงเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ย่อมต้องร่วมรับผิดในการทำละเมิดของจำเลยที่ 1 ด้วย ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว”
พิพากษายืน