คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 811-818/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เดิมโจทก์ทั้งแปดทำงานฝ่ายช่างและฝ่ายผลิตให้แก่จำเลย มานานจนบางคนได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นหัวหน้างานซึ่งมีเงินเพิ่มประจำตำแหน่ง การที่จำเลยออกคำสั่งให้โจทก์ทั้งแปดไปทำงานแผนกทำความสะอาดนั้น เห็นได้ว่าตำแหน่งหน้าที่เดิมของโจทก์ทั้งแปดต้องอาศัยความรู้ความสามารถหรือความชำนาญเป็นพิเศษ ส่วนงานแผนกทำความสะอาดไม่จำต้องอาศัยความรู้ความสามารถเช่นว่านั้น แม้นายจ้างจะมีสิทธิสับเปลี่ยนหน้าที่การงานของลูกจ้างได้ตามความเหมาะสมและตามความจำเป็นแก่สภาพแห่งงานของนายจ้าง แต่เมื่อตำแหน่งหน้าที่ใหม่ต่ำกว่าตำแหน่งหน้าที่เดิม จึงเป็นการสับเปลี่ยนหน้าที่การงานที่เป็นไปโดยไม่สมควร ทั้งทำให้โจทก์บางคนไม่ได้รับเงินเพิ่มประจำตำแหน่งที่เคยได้ การกระทำของจำเลยถือได้ว่าเป็นการประพฤติผิดสภาพการจ้างเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ทั้งแปดสำนวนฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์ทั้งแปดเป็นลูกจ้างประจำของบริษัทจำเลย โจทก์ที่ ๑ และโจทก์ที่ ๗ มีตำแหน่งเป็นหัวหน้างานจำเลยจ่ายเงินเพิ่มให้เดือนละ ๕๐๐ บาท โจทก์ที่ ๕ ที่มีตำแหน่งเป็นหัวหน้า (งาน) กองเชื่อม จำเลยจ่ายเงินเพิ่มให้เดือนละ ๑,๐๐๐ บาท ต่อมาวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๒๘ จำเลยได้มีคำสั่งย้ายโจทก์ทั้งแปดให้ไปทำงานแผนกทำความสะอาดและได้ลดค่าจ้างส่วนที่เป็นเงินเพิ่มซึ่งโจทก์ที่ ๑ ที่ ๕ และที่ ๗ เคยได้รับกับไม่ยอมจ่ายค่าจ้างประจำงวดวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๒๘ ให้แก่โจทก์ทั้งแปดการกระทำของจำเลยเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง เป็นการกลั่นแกล้งและจงใจที่จะไม่จ่ายค่าจ้าง โจทก์ทั้งแปดได้ทวงถามแล้ว แต่จำเลยก็ไม่ชำระให้ ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าจ้างและเงินเพิ่มให้โจทก์แต่ละคน ตามคำข้อท้ายฟ้องพร้อมเงินเพิ่มอัตราร้อยละสิบห้าทุกระยะเวลาเจ็ดวันจนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยลงวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๒๘ เสีย
วันนัดพิจารณา ศาลแรงงานกลางสอบคำให้การจำเลยว่าได้จ่ายค่าจ้าง (ประจำงวดวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๒๘) ให้แก่โจทก์ทั้งแปดแล้ว นอกจากเงินค่าตำแหน่งของโจทก์ที่ ๑ ที่ ๕ และที่ ๗ เพราะเงินค่าตำแหน่งนี้ไม่ใช่ค่าจ้างแต่เป็นเงินเพิ่มให้สำหรับผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้างาน จำเลยเป็นนายจ้างมีสิทธิที่จะแต่งตั้งโยกย้ายคนงานไปทำหน้าที่ต่าง ๆ ได้ตามความเหมาะสม ขณะนี้งานน้อยลง จึงต้องลดตำแหน่งหัวหน้าลง และจำเลยให้โจทก์ทั้งแปดเปลี่ยนหน้าที่เพียงชั่วคราวเท่านั้น
ศาลแรงงานกลางเห็นหว่า คดีมีประเด็นข้อพิพาทเพียงข้อเดียวว่า การที่จำเลยสั่งเปลี่ยนแปลงหน้าที่โจทก์และงดจ่ายเงินประจำตำแหน่งให้โจทก์เป็นการประพฤติผิดสภาพการจ้างหรือไม่ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้จำเลยส่งใบสมัครเข้าทำงานของโจทก์ต่อศาล และเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ จึงได้งดสืบพยานโจทก์จำเลย
ศาลแรงงานกลางพิพากษา ให้ยกเลิกคำสั่งของจำเลยฉบับลงวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๒๘ ให้จำเลยจัดให้โจทก์แต่ละคนเข้าทำงานในหน้าที่และตำแหน่งเดิม กับให้จำเลยจ่ายเงินเพิ่มประจำตำแหน่งให้โจทก์ที่ ๑ ที่ ๕ และที่ ๗ ตามฟ้อง
จำเลยทั้งแปดสำนวนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า งานหน้าที่เดิมที่จำเลยมอบให้โจทก์ทั้งแปดทำเป็นงานฝ่ายช่างและฝ่ายผลิต โจทก์แต่ละคนทำงานในแผนกดังกล่าวมานานจนบางคนได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นหัวหน้างาน ซึ่งมีเงินเพิ่มประจำตำแหน่ง การที่จำเลยออกคำสั่งให้โจทก์ทั้งแปดไปทำงานแผนกทำความสะอาดนั้น พึงเห็นได้ว่าตำแหน่งหน้าที่เดิมของโจทก์ทั้งแปดต้องอาศัยความรู้ความสามารถหรือความชำนาญเป็นพิเศษ ส่วนงานแผนกทำความสะอาดไม่จำต้องอาศัยความรู้ความสามารถเช่นว่านั้น แม้นายจ้างจะมีสิทธิสับเปลี่ยนหน้าที่การงานของลูกจ้างได้ตามความเหมาะสมและตามความจำเป็นแก่สภาพแห่งงานของนายจ้าง แต่เมื่อตำแหน่งหน้าที่ใหม่ที่จำเลยย้ายโจทก์ทั้งแปดไปต่ำกว่าตำแหน่งหน้าที่เดิม ซึ่งเห็นได้ชัดว่า เป็นการสับเปลี่ยนหน้าที่การงานที่เป็นไปโดยไม่สมควร ทั้งทำให้โจทก์บางคนไม่ได้รับเงินเพิ่มประจำตำแหน่งที่เคยได้ การกระทำของจำเลยถือได้ว่าเป็นการประพฤติผิดสภาพการจ้าง คำสั่งของจำเลยลงวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๒๘ จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ
พิพากษายืน

Share