แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีตามคำขอของโจทก์ที่แถลงด้วยวาจาอันไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 275 เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาผิดระเบียบตามมาตรา 27 วรรคแรก จำเลยต้องยกขึ้นกล่าวไม่ช้ากว่าแปดวันนับแต่วันที่ได้ทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างนั้นตามมาตรา 27 วรรคสอง
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์และจำเลยทั้งสองทำสัญญาประนีประนอมยอมความว่าจำเลยที่ 1 จะซื้อบ้านและที่ดินพิพาทจากโจทก์ในราคา 900,000 บาท ซึ่งจำเลยที่ 1 ได้ชำระให้โจทก์แล้ว 176,750 บาท ส่วนที่เหลือชำระให้เสร็จสิ้นในวันทำนิติกรรมโอนบ้านและที่ดินพิพาท หากจำเลยที่ 1 ประสงค์จะนำบ้านและที่ดินพิพาทไปเป็นประกันการกู้ยืมเงินต่อสถาบันการเงินเพื่อนำเงินมาชำระแก่โจทก์ ให้จำเลยที่ 1 เตรียมเอกสารต่างๆ และมอบให้โจทก์ภายใน 20 วัน นับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ เพื่อให้โจทก์เป็นผู้ประสานงานกับสถาบันการเงิน เมื่อสถาบันการเงินอนุมัติการกู้ยืมเงินแล้วให้ทั้งสองฝ่ายไปดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน นับแต่วันได้รับแจ้งการอนุมัติจากสถาบันการเงิน หากไม่มีสถาบันการเงินใดให้กู้ยืมเงิน จำเลยทั้งสองจะชำระเงินส่วนที่เหลือแก่โจทก์ให้เสร็จสิ้นภายใน 1 ปี นับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ หากผิดนัดยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทันที ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม
ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่า พ้นกำหนดเวลาตามสัญญาประนีประนอมยอมความแล้วจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ขอให้ศาลหมายเรียกจำเลยมาเพื่อสอบถาม เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2547 ซึ่งเป็นวันนัดพร้อม โจทก์แถลงต่อศาลชั้นต้นว่าจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ขอให้ออกหมายบังคับคดี จำเลยทั้งสองแถลงรับว่ามิได้ปฏิบัติตามข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความและไม่คัดค้านที่โจทก์ขอออกหมายบังคับคดี ศาลชั้นต้นจึงออกหมายบังคับคดีตามที่โจทก์ขอ
วันที่ 26 เมษายน 2548 จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องว่า การขอออกหมายบังคับคดีโจทก์จะต้องทำเป็นคำขอฝ่ายเดียวและคำขอต้องระบุโดยชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 275 แต่ศาลออกหมายบังคับคดีตามคำขอของโจทก์ที่แถลงด้วยวาจา การออกหมายบังคับคดีจึงไม่ชอบ ขอให้ยกเลิกหมายบังคับคดี
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นตามรายงานกระบวนพิจารณาฉบับวันที่ 17 พฤศจิกายน 2547 ที่ให้หมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีตลอดจนการบังคับคดีต่อจากนั้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า ที่จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องอ้างว่าศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีตามคำขอของโจทก์ที่แถลงด้วยวาจาเป็นการออกหมายบังคับคดีไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 275 นั้น เท่ากับเป็นการกล่าวอ้างว่าศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาผิดระเบียนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 วรรคแรก ซึ่งจำเลยทั้งสองต้องยกขึ้นกล่าวไม่ช้ากว่าแปดวันนับแต่วันที่ได้ทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างนั้นตามมาตรา 27 วรรคสอง ข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยทั้งสองได้ทราบแล้วว่าศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2547 แต่มายื่นคำร้องคัดค้านในวันที่ 26 เมษายน 2548 เป็นการมิได้ร้องขอให้ศาลเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด จำเลยจึงยกปัญหาดังกล่าวขึ้นโต้แย้งในภายหลังไม่ได้ แม้ไม่เป็นประเด็นในชั้นฎีกา แต่ปัญหาดังกล่าวเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองในปัญหานี้จึงเป็นการไม่ชอบ ถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 8 ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาของโจทก์”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ยกอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองและยกฎีกาของโจทก์ คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาแก่จำเลยทั้งสองและโจทก์ตามลำดับ ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาให้เป็นพับ