แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ห้างหุ้นส่วนผ. ซื้อรถยนต์ของกลางมาจากผู้ร้องโดยตกลงชำระราคารวม31งวดระหว่างที่ชำระราคายังไม่ครบได้รู้เห็นเป็นใจให้จำเลยนำรถคันดังกล่าวไปใช้โดยผิดกฎหมายจนถูกศาลสั่งริบผู้ร้องจึงมาขอคืนรถของกลางโดยห้างหุ้นส่วนผ. เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทั้งหมดทั้งได้ตกลงกันด้วยว่าเมื่อได้รถคืนมาแล้วจะให้ห้างหุ้นส่วนผ. ซื้อรถต่อไปเห็นได้ว่าเป็นการขอคืนรถยนต์ของกลางเพื่อประโยชน์ของห้างหุ้นส่วนผ.ถือว่าเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตผู้ร้องไม่มีสิทธิขอคืนรถยนต์ของกลาง.
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของผู้ร้องที่ขอคืนรถยนต์ของกลางซึ่งศาลพิพากษาให้ริบ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้คืนรถยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า…ผู้ร้องได้นำหนังสือสัญญาขายมีเงื่อนไข…ขายรถยนต์ของกลาง…ให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดสามัญนิติบุคคลเผ่าขนส่ง… โดยตกลงผ่าอนชำระค่ารถเป็นงวด ๆและขณะเกิดเหตุห้างหุ้นส่วนจำกัดสามัญนิติบุคคลเผ่าขนส่งยังชำระราคาค่ารถไม่ครบ กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ของกลางยังเป็นของผู้ร้องจริง… ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ที่ว่า ผู้ร้องมีสิทธิร้องขอคืนรถยนต์ของกลางหรือไม่
พิเคราะห์แล้ว ได้ความตามคำเบิกความของนายธีรพจน์นรัจฉริยางกูร หุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลเผ่าขนส่ง และนายติกเฮง แซ่โค้ว บิดาของนายธีรพจน์ที่ผู้ร้องอ้างมาสืบว่านายธีรพจน์เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลเผ่าขนส่งแต่ในนามเท่านั้น การจัดหารห้างหุ้นส่วนนายติกเฮงเป็นผู้จัดการเองทั้งสิ้น คดีนี้นายธีรพจน์และนายติกเฮงเบิกความว่านายตกเฮงใช้ให้จำเลยนำรถยนต์ของกลางไปรับจ้างบรรทุกของที่จังหวัดขอนแก่น 3 เที่ยว จึงถูกจับ ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลเผ่าขนส่งจึงต้องทราบว่าจำเลยนำรถไปใช้ในการกระทำความผิดและรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย ข้อเท็จจริงได้ความว่า ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลเผ่าขนส่งตกลงชำระราคารถยนต์ของกลางให้แก่ผู้ร้องรวม 31 งวด นายธีรพจน์เบิกความว่าทางห้างผิดนัดชำระราคารถยนต์ให้แก่ผู้ร้องตั้งแต่งวดที่ 22 เป็นเงินงวดละ17,600 บาท แต่ผู้ร้องก็ไม่ได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาและเรียกให้ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลเผ่าขนส่งมอบรถคืน กลับได้ความตามคำนายตระการ ตันศิริมาศ กรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนบริษัทผู้ร้องว่า ผู้ร้องไม่ประสงค์จะยึดรถคืน ผู้ร้องอยากจะให้ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลผ่าขนส่งผู้ซื้อซื้อรถต่อไป ตามคำนายติกเฮงก็ได้ความว่านายติกเฮงเป็นผู้มอบให้ผู้ร้องมาร้องขอรถยนต์ของกลางคืน และในการยื่นคำร้องนี้ผู้ร้องได้ให้ทางห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลเผ่าขนส่งออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดและได้ตกลงกันไว้แล้วว่าเมื่อได้รถคืนมาแล้วผู้ร้องจะให้ทางห้างซื้อรถต่อไปอีกเห็นได้ว่าผู้ร้องมีเจตนาเพียงที่จะได้รับชำระเงินค่ารถยนต์ตามสัญญาเท่านั้น เมื่อห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลเผ่าชำระเงินค่ารถยนต์ที่ค้าง รถยนต์ของกลางก็จะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของห้าง การขอคืนรถยนต์ของกลางผู้ร้องจึงเป็นการขอคืนเพื่อประโยชน์ของห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลเผ่าขนส่งซึ่งเป็นผู้รู้เห็นเป็นใจด้วยการกระทำผิดของจำเลย เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอให้ศาลสั่งคืนรถยนต์ของกลางให้แก่ผู้ร้องได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้คืนรถยนต์ของกลางให้แก่ผู้ร้องได้ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้คืนรถยนต์ของกลางให้แก่ผู้ร้อง ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของผู้ร้องตามคำสั่งศาลชั้นต้น.