แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อโจทก์ถือว่าคำสั่งเดิมของเจ้าพนักงานประเมินที่ได้นำส่งภาษีเงินได้เป็นคำสั่งถึงบริษัทที่มีชื่อไม่ตรงกับชื่อโจทก์ ก็ชอบที่เจ้าพนักงานประเมินจะออกคำสั่งฉบับใหม่ระบุชื่อโจทก์เสียให้ถูกต้อง โดยยกเลิกคำสั่งฉบับเดิมที่ระบุชื่อไม่ตรงกับชื่อโจทก์นั้นเสีย ไม่มีบทกฎหมายใดบัญญัติห้ามมิให้เจ้าพนักงานประเมินกระทำเช่นนั้น
การที่โจทก์ออกหุ้นให้บริษัท ฟ. เป็นไปตามข้อสัญญาระหว่างโจทก์กับบริษัท ฟ. คือเพื่อตอบแทนที่บริษัท ฟ. ได้ให้ข้อสนเทศและบริการแก่โจทก์ โจทก์ต้องจัดสรรหุ้นให้แก่บริษัท ฟ. เป็นหุ้นที่ชำระเต็มมูลค่าแล้ว ภาษีที่จะต้องเสีย โจทก์รับเป็นผู้เสียเองโดยตรง ดังนี้ บริษัท ฟ. ได้รับหุ้นจากโจทก์เป็นค่าแห่งลิขสิทธิ์ คือสิทธิบัตรในการผลิตยางซึ่งบริษัท ฟ. ได้จดทะเบียนไว้แล้วในสหรัฐอเมริกา อันเป็นสิทธิที่โจทก์ยอมรับนับถือ โดยยอมจ่ายค่าตอบแทนสิทธิเช่นว่านี้เป็นหุ้น จึงเป็นเงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40 (3) แม้จะเป็นหุ้นไม่ใช่ตัวเงิน หุ้นนั้นก็เป็นทรัพย์สินหรือประโยชน์อย่างอื่นที่ได้รับซึ่งคิดคำนวณได้เป็นเงิน จึงเป็นเงินได้ตามความหมายของประมวลรัษฎากร มาตรา 39 เมื่อเป็นเงินได้พึงประเมิน โจทก์จึงมีหน้าที่เป็นผู้เสียภาษีเงินได้พึงประเมินนำส่งอำเภอท้องที่ตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร
การจ่ายเงินได้พึงประเมินไม่จำเป็นต้องเป็นตัวเงินจริง ๆ เพราะคำนวณค่าหุ้นออกมาได้แน่นอนแล้วว่า เป็นเงินจำนวนเท่าใด ย่อมคิดหักเป็นภาษีออกมาได้ มิฉะนั้นแล้วอาจมีการหลีกเลี่ยงภาษี คือแทนที่จะจ่ายเป็นตัวเงิน ก็จ่ายเป็นทรัพย์สินอย่างอื่นแทนเสีย
เจ้าพนักงานประเมินมีคำสั่งใหม่ที่ กค. 0804/334 ลงวันที่ 19 พฤษภาคม 2508 ถึงโจทก์ แจ้งยกเลิกคำสั่งเดิมและสั่งให้โจทก์นำเงินภาษีเงินได้ไปชำระ หาใช่เป็นการประเมินภาษีไม่ หากเป็นการแจ้งให้โจทก์จัดการนำเงินค่าภาษีไปชำระ เท่ากับเป็นคำเตือนนั่นเอง คำสั่งเช่นว่านี้มิได้ขัดต่อกฎหมาย เมื่อโจทก์เห็นว่าคำเตือนนั้นคำนวณภาษีไม่ถูกต้องอย่างไร โจทก์ก็ชอบที่จะโต้แย้งตามวิธีการที่กฎหมายกำหนดไว้ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ขอให้ศาลมีคำสั่งให้จำเลยจัดการให้คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์รับคำอุทธรณ์ของโจทก์ และพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดให้เป็นไปโดยชอบด้วยเหตุผลและเป็นไปตามประมวลรัษฎากร หากไม่จำเป็นต้องให้คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ต้องพิจารณาก็ขอศาลเพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานประเมินที่ กค. ๐๘๐๔/๓๙๐ ลงวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๐๗ ที่ กค. ๐๘๐๔/๓๓๔ ลงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๐๘ และคำสั่งของจำเลยที่ ๒ ที่ กค. ๐๘๐๔/๕๘๘๕ ลงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๑๕ ห้ามมิให้จำเลยเรียกเก็บภาษีอากรตามฟ้องจากโจทก์
จำเลยทั้งสองให้การร่วมกันต่อสู้คดี
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ข้อเท็จจริงที่ไม่โต้เถียงกันได้ความว่า โจทก์กับบริษัทไฟร์สโตนไทร์แอนด์รับเบอร์ กำปะนี แห่งสหรัฐอเมริกาตกลงกันตามสำเนาหนังสือสัญญาฉบับลงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๐๕ ออกหุ้นชำระเต็มมูลค่าให้แก่บริษัทไฟร์สโตนไทร์แอนด์รับเบอร์ กำปะนี แห่งสหรัฐอเมริกาจำนวน ๑๕% ของหุ้นทั้งหมดของโจทก์ คิดเป็นจำนวนหุ้น ๖,๗๕๐ หุ้น มูลค่าหุ้นละ ๑,๐๐๐ บาท เป็นเงิน ๖,๗๕๐,๐๐๐ บาท
เจ้าพนักงานประเมินมีหนังสือที่ กค.๐๘๐๔/๓๙๐ ลงวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๐๗ ถึงบริษัทไฟร์สโตน (ประเทศไทย) จำกัด ให้นำส่งภาษีเงินได้ซึ่งโจทก์มีหน้าที่ต้องหัก ณ ที่จ่าย ของบริษัท ไฟร์สโตนไทร์แอนด์รับเบอร์ กำปะนี แห่งสหรัฐอเมริกา โจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ว่า เป็นคำสั่งถึงบริษัทที่ชื่อไม่ตรงกับชื่อโจทก์ และโต้แย้งว่าไม่มีภาษีเงินได้ที่โจทก์จะต้องชำระ
เจ้าพนักงานประเมินมีคำสั่งใหม่ที่ กค. ๐๘๐๔/๓๓๔ ลงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๐๘ ถึงโจทก์ แจ้งยกเลิกคำสั่งเดิมและสั่งให้โจทก์นำเงินภาษีเงินได้ไปชำระ โดยระบุชื่อโจทก์ถูกต้อง โจทก์ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์อีกว่าไม่มีภาษีที่โจทก์จะต้องชำระ
ต่อมาจำเลยที่ ๒ ในฐานะอธิบดีกรมสรรพากรมีคำสั่งที่ กค. ๐๘๐๔/๕๘๘๕ ลงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๑๕ แจ้งให้โจทก์ทราบว่าคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีมติไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ และสั่งยืนยันให้โจทก์นำภาษีเงินได้ไปชำระ ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อโจทก์ถือว่าคำสั่งเดิมของเจ้าพนักงานประเมินเป็นคำสั่งถึงบริษัทที่มีชื่อไม่ตรงกับชื่อโจทก์ ก็ชอบที่เจ้าพนักงานประเมินจะออกคำสังฉบับใหม่ระบุชื่อโจทก์เสียให้ถูกต้อง โดยยกเลิกคำสั่งฉบับเดิมที่ระบุชื่อไม่ตรงกับชื่อโจทก์นั้นเสีย ไม่มีบทกฎหมายใดบัญญัติห้ามมิให้เจ้าพนักงานประเมินกระทำเช่นนั้น
ปัญหาที่ว่า หุ้นที่โจทก์ออกให้แก่บริษัท ไฟร์สโตนไทร์แอนด์รับเบอร์ กำปะนี แห่งสหรัฐอเมริกา เป็นเงินได้พึงประเมินหรือไม่ ได้ความว่า การที่โจทก์ออกหุ้นดังกล่าวนั้น เป็นไปตามข้อสัญญาระหว่างโจทก์กับบริษัท ไฟร์สโตนไทร์แอนด์รับเบอร์ กำปะนี แห่งสหรัฐอเมริกา คือเพื่อตอบแทนที่บริษัทไฟร์สฝโตนไทร์แอนด์รับเบอร์กำปะนี แห่งสหรัฐอเมริกาได้ให้ข้อสนเทศและบริการแก่โจทก์ โจทก์ต้องจัดสรรหุ้นให้แก่บริษัทนั้นเป็นหุ้นที่ชำระเต็มมูลค่าแล้ว ภาษีที่จะต้องเสียโจทก์รับเป็นผู้เสียเองโดยตรง ข้อสนเทศและบริการได้แก่การยอมให้แบบและความรู้ทางวิศวกรรมโดยละเอียด กับบริการให้สามารถทำการปลูกสร้างติดตั้งเครื่องอุปกรณ์ และดำเนินกิจการโรงงานในประเทศไทย เพื่อผลิตยางนอก ยางใน ยางรอง ยางหล่อดอก และวัสดุที่ใช้ในการซ่อม การผลิตยางนี้บริษัทไฟร์สโตนไทร์แอนด์รับเบอร์กำปนีแห่งสหรัฐเเมริกา ได้จดทะเบียนสิทธิบัตรการผลิตยางไว้ที่สหรัฐอเมริกา ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า บริษัท ไฟร์สโตนไทร์แอนด์รับเบอร์ กำปะนี แห่งสหรัฐอเมริกา ได้รับหุ้นจากโจทก์เป็นค่าแห่งสิทธิ คือสิทธิบัตรในการผลิตยางซึ่งบริษัทไฟร์สโตนไทร์แอนด์รับเบอร์กำปนีแห่งสหรัฐอเมริกา ได้จดทะเบียนไว้แล้วที่สหรัฐอเมริกา อันเป็นสิทธิที่โจทก์ยอมรับนับถือโดยยอมจ่ายค่าตอบแทนสิทธิเช่นว่านี้เป็นหุ้น จึงเป็นเงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๔๐ (๓) แม้จะเป็นหุ้นไม่ใช่ตัวเงิน หุ้นนั้นก็เป็นทรัพย์สินหรือประโยชน์อย่างอื่นที่ได้รับ ซึ่งคิดคำนวณได้เป็นเงิน จึงเป็นเงินได้ตามความหมายของประมวลรัษฎากรมาตรา ๓๙ เมื่อเป็นเงินได้พึงประเมิน โจทก์จึงมีหน้าที่เป็นผู้หักภาษีเงินได้พึงประเมิน นำส่งอำเภอท้องที่ตามบทบังคับของมาตรา ๗๐ แห่งประมวลรัษฎากร การจ่ายเงินได้พึงประเมินไม่จำเป็นต้องเป็นตัวเงินจริง ๆ เพราะคำนวณค่าหุ้นออกมาได้แน่นอนแล้วว่าเป็นจำนวนเท่าใด ย่อมคิดหักเป็นภาษีออกมาได้ มิฉะนั้นแล้วอาจมีการหลีกเลี่ยงภาษี คือแทนที่จะจ่ายเป็นตัวเงิน ก็จ่ายเป็นทรัพย์สินอย่างอื่นแทนเสีย เนื้อความของหนังสือ กค. ๐๘๐๔/๓๓๔ ลงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๐๘ หาใช่เป็นการประเมินภาษีไม่ หากเป็นการแจ้งให้โจทก์จัดการนำเงินค่าภาษีไปชำระ อย่างไรก็ตาม แม้ไม่มีกฎหมายห้ามมิให้โจทก์อุทธรณ์ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ก็ได้มีมติไม่รับคำอุทธรณ์แล้ว คำสั่งของเจ้าพนักงานเท่ากับเป็นคำเตือนนั้นเอง คำสั่งเช่นว่านี้มิได้ขัดต่อกฎหมาย เมื่อโจทก์เห็นว่าคำเตือนนั้นคำนวณภาษีไม่ถูกต้องอย่างไร โจทก์ก็ชอบที่จะโต้แย้งตามวิธีการที่กฎหมายกำหนดไว้ได้ สรุปแล้ว การที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีมติไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้พิจารณาก็ดี และการที่จำเลยที่ ๒ มีคำสั่งแจ้งให้โจทก์ทราบก็ดี ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ฎีกาทุกข้อฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน