แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การประมูลแชร์เป็นวิธีการหารายได้อย่างหนึ่ง เช่นเดียวกับการกู้ยืมเงินเพื่อเป็นทุนในการประกอบธุรกิจหรือการอื่นใดที่ต้องใช้เงิน เป็นกิจทั่วไปที่ดำเนินการได้เพื่อให้กิจการตามวัตถุประสงค์ที่ระบุในหนังสือรับรองดำเนินไปได้ จึงมิใช่เรื่องนอกเหนือวัตถุประสงค์ของจำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ตามเช็คทั้งสองฉบับแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงินตามเช็คทั้งสองฉบับ ฉบับแรกนับแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2544 และฉบับที่สองนับแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2544 เป็นต้นไปจนถึงวันฟ้องเป็นดอกเบี้ยสำหรับเช็คฉบับแรกจำนวน 15,000 บาท และฉบับที่สองจำนวน 10,000 บาท รวมเป็นต้นเงินและดอกเบี้ยที่จำเลยต้องรับผิดชดใช้ให้แก่โจทก์ถึงวันฟ้องทั้งสิ้น 425,000 บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 400,000 บาท นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจำเลยชำระเสร็จสิ้น
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 400,000 บาท และให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยต้องรับผิดตามเช็คตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นว่า การประมูลแชร์เป็นวิธีการหารายได้อย่างหนึ่ง เช่นเดียวกับการกู้ยืมเงินเพื่อเป็นทุนในการประกอบธุรกิจหรือการอื่นใดที่ต้องใช้เงิน เป็นกิจทั่วไปที่ดำเนินการได้เพื่อให้กิจการตามวัตถุประสงค์ที่ระบุในหนังสือรับรองดำเนินไปได้ จึงมิใช่เรื่องนอกเหนือวัตถุประสงค์ของจำเลย ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรับผิดตามเช็คพิพาททั้งสองฉบับนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ