คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 807/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยปลอมหนังสือขึ้นเอง แล้วนำหนังสือปลอมนั้นไปใช้ คือไปขายให้แก่ผู้อื่น จึงขอให้ลงโทษทั้ง 2 ฐานคือตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 224 และ 227 ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าฟังไม่ได้ว่าจำเลยปลอมเอง คงฟังได้ว่าจำเลยใช้หนังสือปลอมอันเป็นผิดตามมาตรา 227 ซึ่งโยนไปลงโทษตามมาตรา 224 จึงพิพากษาจำคุกจำเลย 2ปี
โจทก์มิได้อุทธรณ์ คงมีจำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ ขอให้ยกฟ้องศาลอุทธรณ์กลับเห็นว่าจำเลยเป็นตัวการในการปลอมหนังสือ แต่ไม่ผิดฐานใช้หนังสือปลอม จึงพิพากษาแก้ว่า จำเลยผิดฐานปลอมหนังสือตามมาตรา 224 ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นการลงโทษตามมาตราที่โจทก์ฟ้อง จึงเป็นการชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับราชการเป็นพนักงานป่าไม้จัตวาจังหวัดนครสวรรค์ จำเลยได้บังอาจปลอมลายมือชื่อของนายฉาย อาจจำเนียรลงในด้านหลังใบเสร็จเก็บเงินค่าภาคหลวงไม้ฟืน ในนามของผู้มอบหมายสิทธิที่จะทำฟืนและนำฟืนเคลื่อนที่ผ่านด่านป่าไม้ และจำเลยนำเอาใบเสร็จดังกล่าวไปขายให้แก่นายเตง ฯลฯ จึงขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 222, 224, 227

จำเลยปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นไม่เชื่อว่า จำเลยปลอมด้วยตนเอง แต่ฟังว่าจำเลยได้นำใบสำคัญที่รู้อยู่ว่า ปลอมมาขายให้แก่นายเต็ง จึงมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 222และ 227 โยนไปให้ลงโทษตามมาตรา224 พิพากษาให้จำคุกจำเลย 2 ปี

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยเป็นตัวการในการปลอมหนังสือด้วย แต่ไม่มีผิดฐานใช้หนังสือปลอม จึงพิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 222, 224 ให้จำคุกจำเลย 1 ปี

จำเลยฎีกาคัดค้านข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย

ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยปลอมชื่อนายฉายในหลังใบเสร็จ เก็บเงินค่าภาคหลวง และจำเลยนำเอาใบเสร็จนั้นไปขายให้แก่นายเต็ง ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 222, 224, 227 เป็น 2 ฐาน ศาลชั้นต้นยึดเอาเหตุที่ไม่ได้ความว่าจำเลยเป็นผู้ปลอมเอง จึงลงโทษในฐานใช้หนังสือปลอม คือการขายใบเสร็จนั้นศาลอุทธรณ์เห็นไปว่าการขายใบเสร็จนั้นไม่ใช่การใช้หนังสือปลอม แต่การที่จำเลยไปเอาลายเซ็นปลอมมาให้นั้นเป็นความผิดฐานปลอมหนังสือและต่างก็ลงโทษจำเลยมาตามบทมาตราที่โจทก์ฟ้อง ดังนี้ จะว่าเป็นการผิดหรือนอกเหนือจากหลักฐานคำพยานในท้องสำนวนหาได้ไม่ จึงพิพากษายืน

Share