แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การที่จำเลยที่ 1 ติดต่อจำหน่ายกัญชาให้เจ้าพนักงานตำรวจตรวจดูเงินที่ใช้ล่อซื้อโดยนัดวันเวลาและสถานที่ส่งมอบกัญชา เป็นคนแนะนำให้รู้จักกับจำเลยที่ 2 และที่ 3 และเป็นคนพาไปเอากัญชากับช่วยขนกัญชานำมาส่งมอบให้แก่เจ้าพนักงานตำรวจซึ่งรออยู่ที่จุดนัดส่งมอบ แสดงว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ดำเนินการจำหน่ายกัญชาร่วมกับจำเลยที่ 2 และที่ 3 มาตั้งแต่ต้นจนมีการส่งมอบ จำเลยที่ 1มีเจตนาร่วมในการจำหน่ายกัญชาโดยเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำแม้จำเลยที่ 1 จะมิใช่คนหากัญชามาจำหน่ายหรือเป็นผู้มีอำนาจตกลงจำหน่ายกัญชาหรือเป็นคนรับเงินที่มาล่อซื้อ ก็ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวการร่วมกระทำความผิดฐานจำหน่ายกัญชาแล้ว หาใช่เป็นเพียงผู้สนับสนุนไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 26, 75, 102 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ริบกัญชาและกระเป๋าผ้าของกลาง
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา จำเลยที่ 3 ถึงแก่ความตาย สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(1) ศาลชั้นต้นจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 3
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 26 วรรคหนึ่ง,75 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83ฐานร่วมกันจำหน่ายกัญชา จำคุกคนละ 12 ปี คำให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คนละหนึ่งในสามคงจำคุกคนละ 8 ปี ริบกัญชาและกระเป๋าผ้าของกลาง
จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยที่ 1ว่า จำเลยที่ 1 เป็นตัวการร่วมกระทำความผิดฐานจำหน่ายกัญชาตามฟ้องหรือเป็นเพียงผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานจำหน่ายกัญชา เห็นว่า การที่จำเลยที่ 1 ติดต่อจำหน่ายกัญชาให้เจ้าพนักงานตำรวจ ตรวจดูเงินที่ใช้ล่อซื้อโดยนัดวันเวลาและสถานที่ส่งมอบกัญชา เป็นคนแนะนำให้รู้จักกับจำเลยที่ 2 และที่ 3 และเป็นคนพาไปเอากัญชากับช่วยขนกัญชานำมาส่งมอบให้แก่เจ้าพนักงานตำรวจซึ่งรออยู่ที่จุดนัดส่งมอบ แสดงว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ดำเนินการจำหน่ายกัญชาร่วมกับจำเลยที่ 2 และที่ 3 มาตั้งแต่ต้นจนมีการส่งมอบ จำเลยที่ 1 มีเจตนาร่วมในการจำหน่ายกัญชาโดยเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ แม้จำเลยที่ 1 จะมิใช่คนหากัญชามาจำหน่ายหรือเป็นผู้มีอำนาจตกลงจำหน่ายกัญชา หรือเป็นคนรับเงินที่มาล่อซื้อ ก็ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวการร่วมกระทำความผิดฐานจำหน่ายกัญชาแล้วหาใช่เป็นเพียงผู้สนับสนุนไม่ฎีกาของจำเลยที่ 1 ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ส่วนที่จำเลยที่ 1 ฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบานั้น เห็นว่ากัญชาของกลางมีน้ำหนักถึง 41.5 กิโลกรัม ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจลงโทษจำเลยที่ 1 และลดโทษหนึ่งในสามแล้วจำคุก8 ปีนั้น เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาของจำเลยที่ 1 ทุกข้อฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน