คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 805/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์กู้เงินจากจำเลยโดยเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 13 ต่อปี ต่อมาจำเลยมีหนังสือไปถึงโจทก์เสนอขอขึ้นดอกเบี้ยแก่โจทก์เป็นร้อยละ 15 ต่อปี โจทก์ไม่ตอบรับข้อเสนอของจำเลย ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าเป็นการสนองรับข้อเสนอของจำเลย แต่กลับเป็นการแสดงเจตนาปฏิเสธโดยปริยาย ข้อเสนอของจำเลยจึงไม่มีผลเปลี่ยนแปลงดอกเบี้ยตามสัญญากู้เดิม
การที่โจทก์ยอมชำระดอกเบี้ยให้จำเลยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีก็เพราะถูกจำเลยบีบบังคับ มิฉะนั้นจำเลยจะไม่ยอมให้โจทก์ไถ่จำนอง ถือไม่ได้ว่าเป็นการชำระหนี้ตามอำเภอใจโดยรู้อยู่ว่าตนไม่มีความผูกพันที่จะต้องชำระ และการที่จำเลยได้รับดอกเบี้ยเกินจากที่ตกลงไว้จากโจทก์โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ เป็นเหตุให้โจทก์เสียเปรียบ จำเลยต้องคืนเงินดอกเบี้ยส่วนที่เกินนั้นให้แก่โจทก์.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำนองที่ดินเป็นประกันเงินกู้จำเลยโดยเสียดอกเบี้ยร้อยละ ๑๓ ต่อปี ต่อมาจำเลยขอขึ้นดอกเบี้ยเป็นร้อยละ ๑๕ ต่อปี โจทก์มิได้ยินยอม ต่อมาโจทก์ไถ่จำนองชำระเงินกู้ จำเลยคิดเอาดอกเบี้ยจากโจทก์ร้อยละ ๑๕ ต่อปี โจทก์ทวงถามให้จำเลยคืนเงินที่เรียกเก็บเกินไปจากโจทก์ จำเลยก็ไม่คืน ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยคืนพร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ได้ยอมให้จำเลยคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี จำเลยได้แจ้งยอดหนี้ซึ่งคิดดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี ให้โจทก์ทราบหลายครั้งแล้ว โจทก์ก็ไม่คัดค้านและได้เคยชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปีให้จำเลยแล้ว ในการไถ่จำนอง โจทก์ยอมชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปีให้จำเลย ถ้าโจทก์รู้ว่าโจทก์มิได้เป็นลูกหนี้จำเลย การที่โจทก์ชำระเงินให้แก่จำเลยเช่นนั้น เป็นการกระทำตามอำเภอใจ จะเรียกคืนมิได้ ยอดเงินที่โจทก์คำนวณมานั้นคลาดเคลื่อน
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า การที่จำเลยเสนอขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปยังโจทก์แล้วโจทก์เฉยเสีย ถือไม่ได้ว่าเป็นการยอมรับตามข้อเสนอ แต่การที่โจทก์รู้อยู่ว่าไม่มีความผูกพันจะต้องชำระดอกเบี้ยให้จำเลยในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี แต่ก็ได้ชำระดอกเบี้ยให้จำเลยไปตามอัตราเช่นว่านั้น โจทก์จะเรียกคืนไม่ได้ ให้ยกฟ้อง
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การที่โจทก์เฉยเสียจะถือว่าเป็นการยอมรับตามข้อเสนอของจำเลยไม่ชอบ การที่โจทก์ยอมให้จำเลยคิดดอกเบี้ยตามอัตราใหม่นั้น มิใช่สมัครใจชำระให้ตามอำเภอใจ การที่จำเลยรับดอกเบี้ยส่วนที่เกินกว่าร้อยละ ๑๓ ไว้จากโจทก์ไม่มีมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ เป็นเหตุให้โจทก์เสียเปรียบ จำเลยต้องคืนส่วนที่เกินให้แก่โจทก์ พิพากษากลับให้จำเลยคืนเงินแก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่โจทก์ไม่ยอมตอบหนังสือให้ความยินยอมแก่จำเลย ถือไม่ได้ว่าเป็นการสนองรับข้อเสนอของจำเลย แต่กลับเป็นการแสดงเจตนาปฏิเสธโดยปริยาย ข้อเสนอของจำเลยจึงไม่มีผลเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยตามสัญญากู้เดิม แม้ต่อมาจำเลยจะได้ส่งบัญชีต้นเงินดอกเบี้ยที่ค้างไปให้โจทก์ทราบเป็นคราว ๆ แต่ในบัญชีนั้นก็มิได้บอกไปด้วยว่าได้คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี และโจทก์ไม่เคยตอบรับไปยังจำเลยว่าจำนวนเงินที่จำเลยคิดไปถูกต้อง จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ยินยอมในการที่จำเลยคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี เมื่อไถ่จำนอง การที่โจทก์ยอมชำระดอกเบี้ยให้จำเลยในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี ก็เพราะถูกจำเลยบีบบังคับ มิฉะนั้นจำเลยจะไม่ยอมให้โจทก์ไถ่จำนอง จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการชำระหนี้ตามอำเภอใจ โดยรู้อยู่ว่าตนไม่มีความผูกพันที่จะต้องชำระ ส่วนจำเลยก็ได้รับดอกเบี้ยส่วนที่เกินร้อยละ ๑๓ ต่อปีไว้จากโจทก์โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ เป็นเหตุให้โจทก์เสียเปรียบ จำเลยจึงต้องคืนเงินดอกเบี้ยส่วนที่เกินให้โจทก์
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย.

Share