แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ลงชื่อรับรองลายนิ้วมือภายหลังโดยได้รับคำบอกเล่าของพะยานอีกคน 1 ที่ลงชื่อในเวลาพิมพ์ลายนิ้วมือนั้น ถือว่าไม่สมบูรณ์ตาม มาตรา 9
พฤตติการณ์ที่ไม่ถือว่าคำแถลงเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยหลอกลวงโจทก์ให้พิมพ์ลายนิ้วมือเป็นพะยานในการที่นางถนอมจะขายที่ดินให้แก่จำเลย โจทก์หลงเชื่อจึงพิมพ์นิ้วมือให้ ต่อมาโจทก์ทราบว่าหนังสือนั้นเป็นใบมอบฉันทะให้นางถนอมขายที่ดิน ส่วนของโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมกับนางถนอมให้แก่จำเลย และได้จัดการโอนกันไปแล้วในขณะที่โจทก์พิมพ์นิ้วมือนั้น โจทก์ไม่ทราบว่ามีผู้ใดเซ็นชื่อรับรองลายมือ โจทก์จึงฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาหาว่าจำเลยปลอมหนังสือในการพิจารณาคดีอาญาปรากฎว่ามีขุนรัตนสมบัติคนเดียวเป็นพะยานรับรองลายมือโจทก์ในขณะนั้น โจทก์จึงฟ้องคดีนี้ขอให้ศาลสั่งว่าใบมอบฉันทะนั้นไม่สมบูรณ์ ให้เพิกถอนและสั่งให้หอทะเบียนเพิกถอนการซื้อขายที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลย
ในวันพิจารณาคู่ความรับกันในรายงานพิจารณาว่า ใบมอบฉันทะนั้นมีขุนรัตนสมบัติกับนายน้อมเซ็นชื่อรับรองลายมือ แต่ขุนรัตนฯ คนเดียวเห็นโจทก์พิมพ์นิ้วมือ ส่วนนายน้อมไม่ได้รู้เห็นในเวลาโจทก์พิมพ์นิ้วมือเป็นแต่ทราบจากขุนรัตนฯ ในภายหลังแล้วจึงเซ็นชื่อรับรอง
ศาลแพ่งเห็นว่าการพิมพ์ลายนิ้วมือไม่สมบูรณ์ตามประมวลแพ่งฯ มาตรา ๙ จึงพิพากษาให้เพิกถอนใบมอบฉันทะและการโอนที่ดินระหว่างโจทก์จำเลยเสีย
โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าผู้ใดรู้เรื่องว่าเขาลงลายมือกันมาจริง ก็ลงชื่อรับรองลายนิ้วมือนั้นในภายหลังได้ นอกจากนั้นยังเห็นว่าเดิมโจทก์ฟ้องอ้างว่าพะยานเซ็นชื่อรับรองลายมือมีขุนรัตนฯ คนเดียว ในวันพิจารณาจึงอ้างว่านายน้อมพะยานอีกคน ๑ ไม่ได้อยู่รู้เห็นด้วย อันเป็นการเปลี่ยนแปลงข้ออ้างหรือข้อเถียงของตน ต้องด้วยลักษณแก้ไขข้ออ้างหรือข้อเถียงตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๙(๓) ซึ่งต้องทำเป็นคำร้อง จึงจะรับพิจารณาได้จึงพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าคำแถลงของโจทกืในวันพิจารณาเป็นประเด็นเกี่ยวกับฟ้อง ศาลยกขึ้นวินิจฉัยได้และเห็นชอบด้วยศาลชั้นต้นว่าใบมอบฉันทะไม่สมบูรณ์ตาม มาตรา ๙ จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น