คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4731/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อโจทก์บอกเลิกสัญญาจ้างแล้ว โจทก์จำเลยจำต้องกลับคืนสู่ฐานะดังเดิมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 ดังนี้ แม้ตามสัญญาจะไม่ปรากฏว่ามีข้อกำหนดให้ใช้เงินตอบแทนในกรณีผิดสัญญาไว้ โจทก์ก็มีสิทธิที่จะได้รับชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากการผิดสัญญาของจำเลยโดยตรง ส่วนจำเลยก็มีสิทธิเรียกร้องให้โจทก์ใช้เงินตามผลงานที่จำเลยทำให้โจทก์เช่นกัน
ก่อนโจทก์ตกลงจ้างจำเลย จำเลยรู้อยู่แล้วว่าโจทก์กำลังก่อสร้างบ้านพักให้คนงานอยู่อาศัยแทนที่พักเดิม ซึ่งพักอยู่บนชั้น 2 ของห้องเครื่อง เมื่อจำเลยรับรองว่าจะปรับปรุงซ่อมแซมอาคารโรงงานโจทก์ไม่ให้ทรุดลงต่อไป และใช้ชั้น 2ซึ่งอยู่ชั้นบนของห้องเครื่องโรงงานโจทก์เป็นที่พักคนงานได้ตามเดิม การที่โจทก์ต้องรื้อที่พักคนงานชั้น 2 ดังกล่าวเพื่อมิให้ห้องเครื่องโรงงานโจทก์ทรุดต่อไปและรื้อบ้านพักคนงานที่กำลังก่อสร้าง ค่าเสียหายทั้งสองประการนี้เป็นค่าเสียหายที่เกิดจากการผิดสัญญาของจำเลยโดยตรง ซึ่งจำเลยย่อมคาดเห็นหรืออยู่ในฐานะควรจะได้คาดเห็นล่วงหน้าไม่ใช่เป็นค่าเสียหายที่ไกลเกินกว่าเหตุ แต่ค่าเสียหายในส่วนที่เป็นค่ากั้นห้องชั้น 2 ของโรงงานโจทก์นั้น เมื่อศาลกำหนดให้จำเลยรับผิดสำหรับค่าเสียหายในส่วนที่เป็นค่ารื้อที่พักคนงานชั้น 2 บนห้องเครื่องของโรงงานโจทก์แล้ว ค่าเสียหายในการกั้นห้องจึงเป็นค่าใช้จ่ายในการดัดแปลงชั้น 2 ของโรงงานโจทก์และไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รู้หรือควรจะได้รู้อยู่แล้วว่าหากซ่อมแซมแก้ไขมิให้อาคารโรงงานโจทก์ทรุดต่อไปแล้ว จำเลยยังจะต้องกั้นห้องชั้น 2 ของโรงงานโจทก์ให้ด้วย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในค่าเสียหายส่วนนี้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยรับจ้างซ่อมแซมห้องเครื่องของโรงงานโจทก์เพื่อมิให้ทรุดต่อไปอีกในราคา 500,000 บาทจำเลยส่งมอบงานและขอรับเงินค่าจ้างงวดสุดท้ายปรากฏว่าห้องเครื่องทรุดลงอีกโจทก์แจ้งให้จำเลยแก้ไขจำเลยเพิกเฉยโจทก์จึงบอกเลิกสัญญาการผิดสัญญาของจำเลยทำให้โจทก์เสียหายคือค่าซ่อมแซมชั้นสองของห้องเครื่องเป็นเงิน 146,000 บาทซ่อมห้องเครื่องใหม่ 280,000บาทค่าเสียหายที่โจทก์ต้องรื้อบ้านพักคนงานที่กำลังก่อสร้างจำนวน 120,000 บาทเพราะจำเลยรับรองว่าเมื่อซ่อมแซมแล้วจะสามารถใช้ชั้นสองของห้องเครื่องเป็นที่พักคนงานได้ดังเดิมและค่ากั้นห้องบนชั้นสองของตัวโรงงานเพื่อให้คนงานพักเป็นเงิน28,000 บาทรวมค่าเสียหาย 574,000 บาทขอให้บังคับจำเลยใช้เงินดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าไม่เคยตกลงว่าจะซ่อมห้องเครื่องและที่พักคนงานชั้นสองไม่ให้ทรุดต่อไปอีกไม่เคยตกลงว่าเมื่อซ่อมแซมแล้วจะใช้ชั้นสองของห้องเครื่องเป็นที่พักคนงานต่อไปได้อีกจำเลยทำงานให้โจทก์เรียบร้อยแล้วขอให้ยกฟ้องและให้โจทก์ชำระค่าจ้างงวดสุดท้าย 150,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยแก่จำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่าห้องเครื่องยังทรุดต่อไปอีกขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 60,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยกฟ้องส่วนฟ้องแย้งของจำเลยนอกจากที่หักชำระหนี้กับโจทก์แล้วให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องโจทก์ให้โจทก์ชำระเงิน100,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยแก่จำเลย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยตกลงรับจ้างปรับปรุงซ่อมแซมอาคารโรงงานโจทก์โดยรับรองว่าห้องเครื่องโรงงานโจทก์จะไม่ทรุดลงต่อไปอีกแต่หลังจากจำเลยส่งมอบงานรับจ้างให้โจทก์แล้วอาคารโรงงานโจทก์ยังคงทรุดลงอีกจำเลยย่อมเป็นฝ่ายผิดสัญญาต่อโจทก์ เมื่อโจทก์นำสืบว่าโจทก์แจ้งให้จำเลยแก้ไขซ่อมแซมให้เป็นไปตามคำรับรองจำเลยไปตรวจดูแล้วเพิกเฉยเสียโจทก์จึงบอกเลิกสัญญากับจำเลยนั้นคดีพอเชื่อได้ว่าเป็นความจริงเพราะการบอกเลิกสัญญาเป็นเหตุผลที่พึงปฏิบัติเพื่อบรรเทาความเสียหายตามสมควร ดังนี้สัญญาจ้างระหว่างโจทก์และจำเลยจึงเป็นอันระงับลง
มีปัญหาวินิจฉัยต่อไปว่าจำเลยจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ในฐานะจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาเพียงใด เมื่อโจทก์บอกเลิกสัญญากับจำเลยและสัญญาจ้างระหว่างโจทก์และจำเลยระงับลงแล้วโจทก์จำเลยจำต้องกลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 391 ดังนั้นแม้ตามสัญญาระหว่างโจทก์และจำเลยไม่ปรากฏว่ามีข้อกำหนดให้ใช้เงินตอบแทนในกรณีผิดสัญญาไว้โจทก์มีสิทธิที่จะได้รับชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากการผิดสัญญาของจำเลยโดยตรงส่วนจำเลยก็มีสิทธิเรียกร้องให้โจทก์ใช้เป็นเงินตามผลงานที่จำเลยทำให้โจทก์เช่นกันสำหรับกรณีดังกล่าวโจทก์ให้จำเลยรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์รวม4 รายการรายการแรกค่ารื้อที่พักคนงานชั้น 2 ซึ่งอยู่ชั้นบนของห้องเครื่องโรงงานโจทก์รายการที่ 2 ค่ารื้อบ้านพักคนงานเพราะจำเลยรับรองว่าเมื่อปรับปรุงซ่อมแซมเสร็จแล้วจะให้ชั้น 2ของห้องเครื่องโรงงานใช้เป็นที่พักคนงานได้ตามเดิมรายการที่3 ค่าจ้างผู้อื่นซ่อมแซมแก้ไขมิให้อาคารโรงงานโจทก์ทรุดต่อไปและรายการที่ 4 ค่าจ้างกั้นห้องที่พักคนงานชั้น 2 ของโรงงานโจทก์เพื่อให้คนงานใช้เป็นที่พักอาศัยโดยเหตุที่ได้วินิจฉัยไว้ในตอนต้นแห่งคำพิพากษานี้แล้วว่าจำเลยตกลงรับจ้างปรับปรุงซ่อมแซมอาคารโรงงานโจทก์โดยรับรองว่าจะไม่ให้ทรุดอีกต่อไปรวมทั้งก่อนโจทก์ตกลงจ้างจำเลยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าโจทก์กำลังก่อสร้างบ้านพักให้คนงานอยู่อาศัยแทนที่พักเดิมซึ่งพักอยู่ชั้น 2 ของห้องเครื่องเมื่อจำเลยรับรองว่าจะปรับปรุงซ่อมแซมอาคารโรงงานโจทก์ไม่ให้ทรุดลงต่อไปและใช้ชั้น 2 ซึ่งอยู่ชั้นบนของห้องเครื่องโรงงานโจทก์เป็นที่พักคนงานได้ตามเดิมการที่โจทก์ต้องรื้อที่พักคนงานชั้น 2 ดังกล่าวเพื่อมิให้ห้องเครื่องโรงงานโจทก์ทรุดต่อไปและรื้อบ้านพักคนงานที่กำลังก่อสร้างเสียดังนี้ค่าเสียหายในส่วนที่โจทก์รื้อที่พักคนงานและรื้อบ้านพักคนงานกับค่าเสียหายในกรณีจำเลยผิดสัญญาและโจทก์บอกเลิกสัญญาแล้ว โจทก์ได้จ้างผู้อื่นซ่อมแซมแก้ไขมิให้อาคารโรงงานโจทก์ทรุดอีกต่อไปนั้นเป็นค่าเสียหายที่เกิดจากการผิดสัญญาของจำเลยโดยตรงซึ่งจำเลยย่อมคาดเห็นหรืออยู่ในฐานะควรจะได้คาดเห็นล่วงหน้านับแต่ตกลงรับจ้างโจทก์แล้วไม่ใช่เป็นค่าเสียหายที่ไกลเกินกว่าเหตุดังจำเลยต่อสู้แต่ค่าเสียหายในส่วนที่เป็นค่ากั้นห้องชั้น 2 ของโรงงานโจทก์นั้นเมื่อศาลกำหนดให้จำเลยรับผิดสำหรับค่าเสียหายในส่วนที่เป็นค่ารื้อที่พักคนงานชั้น 2 บนห้องเครื่องของอาคารโรงงานโจทก์แล้วค่าเสียหายในส่วนที่โจทก์เรียกร้องเป็นค่ากั้นห้องจึงเป็นค่าใช้จ่ายในการดัดแปลงชั้น 2 ของโรงงานโจทก์และไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รู้หรือควรจะได้รู้อยู่แล้วว่าหากซ่อมแซมแก้ไขมิให้อาคารโรงงานโจทก์ทรุดต่อไปแล้วจำเลยยังจะต้องกั้นห้องชั้น2 ของโรงงานโจทก์ให้ด้วยจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดค่าเสียหายในส่วนที่เป็นค่ากั้นห้องส่วนในกรณีที่จำเลยมีสิทธิที่จะได้รับชดใช้คิดเป็นเงินตามผลงานที่จำเลยปรับปรุงซ่อมแซมอาคารโรงงานของโจทก์เพียงใดนั้นข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์จ่ายเงินตามข้อตกลงการจ้างให้จำเลยแล้ว 3 งวดรวมเป็นเงิน 350,000 บาทโจทก์คงยังไม่จ่ายเฉพาะผลงานงวดสุดท้ายจำนวน 150,000 บาทเท่านั้นเพราะอาคารโรงงานโจทก์ยังทรุดอยู่โจทก์บอกเลิกสัญญากับจำเลยแล้วโจทก์ก็ยังได้รับประโยชน์จากผลงานงวดสุดท้ายที่จำเลยทำไว้อยู่บ้างโดยทำให้โจทก์ไม่ต้องจ้างช่างทำงานในส่วนที่จำเลยทำไว้และเป็นประโยชน์ต่อโจทก์ประกอบกับจำเลยไม่นำสืบให้ศาลเห็นว่าผลงานของจำเลยที่ทำให้โจทก์คิดเป็นเงินตามควรเท่าไร สรุปข้อวินิจฉัยดังกล่าวมาจึงเห็นว่านอกจากค่าเสียหายในส่วนที่เป็นค่ากั้นห้องชั้น 2 ของอาคารโรงงานโจทก์เพียงรายการเดียวแล้วที่ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหาค่าเสียหายแล้วกำหนดจำนวนค่าเสียหายให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์และประเมินผลงานที่จำเลยทำในงวดสุดท้ายเป็นเงินให้จำเลยได้รับชดใช้จากโจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้นเหมาะสมตามพฤติการณ์ที่ปรากฏในคดีแล้วไม่มีเหตุควรเปลี่ยนแปลงแก้ไข
พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยชำระเงิน 40,000 บาทให้โจทก์นอกจากที่แก้ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share