คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 802/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ทรงเช็คชอบที่จะเรียกให้ผู้สั่งจ่ายชำระหนี้เต็มจำนวนตามเช็คได้ การที่ผู้ทรงและผู้สั่งจ่ายตกลงกัน โดยผู้ทรงยอมให้ชำระหนี้เพียงบางส่วน และผู้ทรงยอมคืนเช็คให้ผู้สั่งจ่าย จึงเป็นการระงับข้อพิพาทซึ่งมีอยู่หรือมีขึ้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน อันเป็นการประนีประนอมยอมความ
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ออกเช็คให้จำเลยเพื่อชำระหนี้เงินยืม ต่อมาโจทก์ไม่มีเงินพอชำระหนี้ โจทก์กับจำเลยตกลงกันลดหนี้ให้โจทก์ โดยจำเลยยอมให้โจทก์ชำระหนี้เพียงบางส่วน และจำเลยจะคืนเช็คให้โจทก์ โจทก์ชำระหนี้ตามที่ตกลงแต่จำเลยไม่คืนเช็คให้จึงขอบังคับให้จำเลยคืนเช็ค ดังนี้ ข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยเป็นการประนอมหนี้ อันเป็นการระงับข้อพิพาทที่จะเรียกร้องเงินเต็มจำนวนตามเช็คให้เสร็จสิ้นไป ด้วยยอมผ่อนผันให้แก่กัน ซึ่งเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 850 เมื่อสภาพแห่งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาและคำขอบังคับตามฟ้องเป็นเรื่องขอให้บังคับจำเลยคืนเช็คให้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ แต่ตามฟ้องไม่ปรากฏว่ามีหลักฐานเป็นหนังสือ ก็จะฟ้องให้บังคับคดีไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 851

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ออกเช็คให้จำเลยและบุคคลอื่นเพื่อชำระหนี้เงินยืมต่อมาโจทก์ไม่มีเงินพอชำระหนี้ บรรดาเจ้าหนี้รวมทั้งจำเลยได้ประชุมหารือลดหนี้ให้โจทก์ในที่สุดตกลงกันโดยโจทก์ยอมชำระหนี้ให้จำเลยร้อยละ ๔๐ ของยอดเงินตามเช็คที่ออกให้แก่จำเลย และจำเลยยอมคืนเช็คทั้งหมดให้โจทก์ โจทก์ได้ส่งมอบเช็คสั่งจ่ายเงินสดให้จำเลย แต่จำเลยคืนเช็คให้โจทก์เพียงฉบับเดียว ส่วนอีก ๖ ฉบับไม่ยอมคืน ขอให้จำเลยคืนเช็คทั้ง ๖ ฉบับให้โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นผู้ทรงเช็คทั้ง ๖ ฉบับโดยชอบด้วยกฎหมายจำเลยไม่เคยตกลงให้โจทก์ชำระเงินตามเช็คร้อยละ ๔๐ ความจริงโจทก์ขอชำระหนี้ให้จำเลยบางส่วน ส่วนที่เหลือขอผ่อนชำระ จำเลยเกี่ยงให้มีผู้ค้ำประกัน โจทก์คงชำระหนี้ให้จำเลยบางส่วน จำเลยจึงคืนเช็คให้ ๑ ฉบับ ส่วนเช็คอีก ๖ ฉบับ เมื่อโจทก์ไม่หาผู้ค้ำประกันและไม่ชำระหนี้ให้ จำเลยไม่มีหน้าที่คืน ข้ออ้างที่เป็นหลักแห่งข้อหาตามฟ้องโจทก์เป็นเรื่องประนีประนอมยอมความ แต่ฟ้องไม่ปรากฏว่าได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือ ฟ้องบังคับคดีไม่ได้
ในวันชี้สองสถาน จำเลยขอให้ศาลชี้ขาดเบื้องต้นในข้อกฎหมายศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ จึงให้งดสืบพยานโจทก์จำเลย
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยตามฟ้องเป็นการประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๕๐ แต่ฟ้องโจทก์ไม่ระบุว่าได้ทำเป็นหนังสือ ฟ้องไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๕๑ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่าข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยเป็นการลดหนี้ ไม่ใช่เป็นการประนีประนอมยอมความ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยตามฟ้องเป็นการประนอมหนี้ อันเป็นการระงับข้อพิพาทที่จะเรียกร้องเงินเต็มจำนวนตามเช็คให้เสร็จสิ้นไปด้วยยอมผ่อนผันให้แก่กัน ซึ่งเป็นการประนีประนอมยอมความ สภาพแห่งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาและคำขอบังคับตามฟ้องเป็นเรื่องขอให้บังคับจำเลยคืนเช็คให้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๘๕๐ เมื่อไม่ปรากฏว่าได้มีหลักฐานเป็นหนังสือก็จะฟ้องให้บังคับคดีไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๕๑
เมื่อจำเลยเป็นผู้ทรงเช็ค ก็ชอบที่จะเรียกร้องให้โจทก์ชำระหนี้เต็มจำนวนตามเช็คได้ การที่โจทก์จำเลยตกลงลดหนี้ยอมให้ชำระเพียงบางส่วนและจำเลยยอมคืนเช็คให้โจทก์เป็นการระงับข้อพิพาทซึ่งมีอยู่หรือจะมีขึ้นให้เสร็จสิ้นไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน ซึ่งเป็นการประนีประนอมยอมความตามกฎหมาย พิพากษายืน.

Share