แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ไนคดีก่อนสาลยกฟ้องโจทโดยเห็นว่าฟ้องเคลือบคลุมโจทนำคดีมาฟ้องไหม่ได้ไม่ต้องห้าม.
ย่อยาว
คดีนี้โจทฟ้องขอไห้ลงโทสจำเลยถานลักทรัพย์ แต่ปรากตว่ากรนีเดียวกันนี้โจทเคยยื่นฟ้องจำเลยมาแล้วตามคดีแดงที่ ๓๓๑/๒๔๘๖ ของสาลจังหวัดปราจีนบุรีซึ่งสาลสั่งฟ้องไนคดีนั้นมีไจความว่าฟ้องของโจทเคลือบคลุม ไห้ยกฟ้องโจท โจทมิได้อุธรน์คำสั่งไนคดีก่อน แต่มายื่นฟ้องไหม่ไนคดีนี้ สาลชั้นต้นเห็นว่า โจทจะนำคดีมาฟ้องซ้ำอีกไม่ได้ เพราะสิทธินำคดีอาญามาฟ้องได้ระงับไปแล้ว ตามประมวนวิธิพิจารนาความอาญามาตรา ๓๕(๔) จึงสั่งไม่รับฟ้อง.
โจทอุธรน์ สาลอุธรน์พิพากสายืนตามคำสั่งสาลชั้นต้น.
โจทดีกา สาลดีกาเห็นว่าไนคดีก่อนสาลยังมิได้ดำเนินการพิจารนามูบกรนีแห่งความผิด โดยเห็นว่าโจทมิได้บันยายรายละเอียดแห่งฟ้องที่จะไห้จำเลยเข้าไจข้อหาได้ดีโดยกล่าวหาจำเลยกะทำความผิดสองหย่างซึ่งกรนีจะเปนความผิดสองหย่างเช่นนั้นไม่ได้ จำเลยไม่อาดรู้ได้ว่าความผิดกานไดเปนความผิดที่ตนถูกกล่าวหาอันแท้จิงอันจะถูกพิจารนาพิพากสาลงโทส เปนฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามประมวนวิธีพิจารนาความอาญามาตรา ๑๕๘(๕) ฉะนั้นไนคดีก่อนจึงเปนเรื่องยกฟ้องตามประมวนวิธีพิจารนาความอาญามาตรา ๑๖๑ เมื่อวินิฉัยว่าไนคดีก่อนนั้นสาลมิได้ยกฟ้องโดยเห็นว่าตามกรนีที่กล่าวหานั้นไม่เปนความผิดเช่นนี้ จึงมิไช่เปนเรื่องที่มีคำพิพากสาเส็ดเด็ดขาดไนความผิดซึ่งได้ฟ้องสิทธิไนการฟ้องคดีของโจทจึงไม่ต้องห้ามตามประมวนวิธีพิจารนาความอาญามาตรา ๓๙(๔) จึงพิพากสายกคำสั่งและคำพิพากสาสาลล่างทั้งสอง ไห้สาลชั้นต้นดำเนินกะบวนพิจารนาต่อไป.