คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8018/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่จำเลยแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่พนักงานสอบสวนว่าได้ทำโฉนดที่ดินของจำเลยรวม 3 ฉบับสูญหายไป ซึ่งความจริงแล้วโฉนดที่ดินทั้งสามฉบับไม่ได้สูญหายไป และแจ้งให้พนักงานสอบสวนจดข้อความอันเป็นเท็จลงในรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี เจตนาของจำเลยก็เพื่อนำเอกสารรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีดังกล่าวไปใช้และแสดงอ้างอิงต่อเจ้าพนักงานที่ดิน กับแจ้งแก่เจ้าพนักงานที่ดินว่าโฉนดที่ดิน 3 ฉบับสูญหายไปเพื่อขอรับใบแทนโฉนดที่ดินทั้งสามฉบับ การกระทำของจำเลยแม้จะเป็นการกระทำคนละวันและต่อเจ้าพนักงานคนละหน่วยงานกันแต่เป็นการกระทำโดยมีเจตนาเดียวกันคือเจตนาเพื่อขอรับโฉนดที่ดินทั้งสามฉบับนั่นเอง การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91, 137, 267, 268

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 137, 267, 268 (ที่ถูก มาตรา 137,267, 268 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 83) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกฎหมายหลายบทและหลายกรรม ให้ลงโทษบทหนักและเรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90, 91 (ที่ถูกการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91) ฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานที่ดินจำคุก 2 เดือน ฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่พนักงานสอบสวน ให้ลงโทษฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการตามมาตรา 267ซึ่งเป็นบทหนัก และฐานใช้เอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดตามมาตรา 267 จำเลยเป็นผู้แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความเองจึงให้ลงโทษตามมาตรา 268 (ที่ถูก ตามมาตรา 268 วรรคแรกประกอบด้วยมาตรา 267) แต่กระทงเดียว ตามมาตรา 268 วรรคสองจำคุก 6 เดือน รวม 2 กระทง จำคุก 8 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 4 เดือน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าสมควรรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยหรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานโดยมีเจตนาให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีอันเป็นเอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานว่าจำเลยทำโฉนดที่ดินรวม 3 ฉบับ สูญหายไป ซึ่งความจริงแล้วโฉนดที่ดินดังกล่าวไม่ได้สูญหาย แต่จำเลยนำไปมอบให้แก่นางทองหล่อเดชชีวะ ยึดถือไว้เพื่อเป็นประกันหนี้การกู้ยืมเงิน และต่อมาจำเลยกับพวกยังร่วมกันนำรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีซึ่งมีข้อความอันเป็นเท็จดังกล่าว ไปใช้อ้างแสดงเป็นพยานหลักฐานและร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานที่ดินว่า โฉนดที่ดินทั้งสามฉบับนั้นสูญหายไปเพื่อให้เจ้าพนักงานที่ดินออกใบแทนโฉนดที่ดินให้แทนนั้น ลักษณะของความผิดนับว่าอุกอาจและเป็นภัยร้ายแรงต่อทางราชการและนางทองหล่อซึ่งเป็นผู้ให้กู้ ส่อแสดงถึงความไม่สุจริตของจำเลยกับพวกที่มุ่งเอาแต่ประโยชน์ส่วนตนโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายของผู้อื่น แม้ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน และแม้จะรับฟังได้ว่านางทองหล่อไม่ติดใจเอาความแก่จำเลยแล้วดังที่จำเลยกล่าวอ้างในฎีกาก็ตามแต่เพื่อให้จำเลยเข็ดหลาบ และเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลอื่นอันจะเป็นการปกป้องสังคมและประชาชนผู้สุจริตจากผู้ที่คิดจะกระทำการเช่นจำเลย ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยนั้น เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น

อนึ่ง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทและหลายกรรมต่างกันนั้น เห็นว่า การที่จำเลยแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองชลบุรีว่าได้ทำโฉนดที่ดินเลขที่ 9566 และเลขที่ 7231 ตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรีของจำเลยและนายวินิจ สิงหนันท์หรือสิงหนนท์ กับโฉนดที่ดินเลขที่ 9137ตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ของจำเลย รวม 3 ฉบับสูญหายไป ซึ่งความจริงแล้วโฉนดที่ดินทั้งสามฉบับไม่ได้สูญหายไปและแจ้งให้ร้อยตำรวจเอกทศพลจดข้อความอันเป็นเท็จลงในรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี เจตนาของจำเลยก็เพื่อนำเอกสารรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีดังกล่าวไปใช้และแสดงอ้างอิงต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี สาขาศรีราชา กับแจ้งแก่เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี สาขาศรีราชา ว่าโฉนดที่ดินจำนวน 3 ฉบับ ดังกล่าวสูญหายไปเพื่อขอรับใบแทนโฉนดที่ดินทั้งสามฉบับ การกระทำของจำเลยแม้จะเป็นการกระทำคนละวันและต่อเจ้าพนักงานคนละหน่วยงานกันแต่เป็นการกระทำโดยมีเจตนาเดียวกันคือ เจตนาเพื่อขอรับใบแทนโฉนดที่ดินทั้งสามฉบับนั่นเอง การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ปัญหาดังกล่าวแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นฎีกาแต่กรณีเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225 ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้ และเห็นสมควรแก้ไข”

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137, 267, 268 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 83 เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 267แต่กระทงเดียวตามมาตรา 268 จำคุก 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน

Share