แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
คำขอท้ายคำฟ้องของโจทก์ที่ขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามเจ้าพนักงานที่ดินออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์แก่จำเลยนั้น เป็นคำฟ้องที่ขอให้บังคับเจ้าพนักงานที่ดินให้กระทำการหรือไม่กระทำการ เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องเจ้าพนักงานที่ดินเป็นจำเลย จึงขอให้บังคับเจ้าพนักงานที่ดินซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145 วรรคสอง คำขอของโจทก์จึงไม่ชอบและไม่อาจบังคับได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน โจทก์จึงเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่เป็นเขตปฏิรูปที่ดินดังกล่าว จำเลยนำแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน(ส.ค.1) เลขที่ 253 เนื้อที่ 8 ไร่ 3 งาน 20 ตารางวา ซึ่งอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินของโจทก์ไปยื่นขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง เจ้าพนักงานที่ดินจะออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่จำเลยเป็นเนื้อที่ 12 ไร่ โจทก์คัดค้านเจ้าพนักงานที่ดินสอบสวนเปรียบเทียบแล้วมีคำสั่งให้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์แก่จำเลยตามจำนวนเนื้อที่ที่ได้นำรังวัดสอบสวนซึ่งจะทำให้โจทก์เสียที่ดินไปตามจำนวนเนื้อที่ที่ออกเกินไป ขอให้มีคำสั่งห้ามเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่จำเลย และยกเลิกคำขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์เกินกว่าเนื้อที่ตามแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน ทำให้โจทก์เสียที่ดินไปตามจำนวนที่ออกเกิน แต่คำขอบังคับของโจทก์ขอให้ศาลห้ามเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่จำเลยทั้งหมด คำฟ้องโจทก์จึงเคลือบคลุมจำเลยได้ครอบครองที่ดินพิพาทมาโดยตลอด โจทก์ฟ้องเอาที่ดินพิพาทคืนจากจำเลยเกินกว่า 1 ปีแล้ว คดีโจทก์จึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้องและขอให้ศาลพิพากษาว่าจำเลยมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทห้ามโจทก์และบริวารเข้าเกี่ยวข้อง
ระหว่างพิจารณา จำเลยขอถอนฟ้องแย้ง ศาลชั้นต้นอนุญาตและเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ จึงให้งดสืบพยานโจทก์และจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะส่วนที่ยกฟ้องโจทก์ในประเด็นที่ขอให้ยกเลิกคำขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลย แล้วให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานแล้วพิพากษาในประเด็นดังกล่าวไปตามรูปคดี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์เพียงประการเดียวว่า โจทก์มีสิทธิฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามเจ้าพนักงานที่ดินซึ่งเป็นบุคคลภายนอกมิได้เป็นคู่ความในคดี ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่จำเลยหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยนำแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) เลขที่ 253 หมู่ที่ 10 ตำบลสะเดาอำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ เนื้อที่ 8 ไร่ 3 งาน 20 ตารางวา ซึ่งอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินของโจทก์ ไปยื่นคำขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์คิดเป็นเนื้อที่ 12 ไร่ ซึ่งเกินกว่าเนื้อที่ตามแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1)ทำให้โจทก์เสียที่ดินตามเนื้อที่ที่ออกเกิน โจทก์คัดค้าน เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง ทำการสอบสวนเปรียบเทียบแล้ว มีคำสั่งให้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์แก่จำเลยตามเนื้อที่ที่ได้นำรังวัดสอบสวน การกระทำของจำเลยเป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์ ขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่จำเลย เป็นการฟ้องว่าจำเลยขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์เฉพาะรายโดยไม่ชอบ ซึ่งการขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์เฉพาะรายนั้น ผู้ที่มีสิทธิครอบครองในที่ดินจะต้องนำหลักฐานที่แสดงว่าตนมีสิทธิครอบครองที่ดิน เช่น แบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) หรือใบจอง เป็นต้น ไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เจ้าพนักงานที่ดินจะทำการรังวัดสอบสวนสิทธิในที่ดินของผู้ยื่นคำขอนั้น แล้วพิจารณาว่าจะดำเนินการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่ผู้ยื่นคำขอหรือไม่ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์วิธีการที่กำหนดไว้ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 56, 59 ประกอบกฎกระทรวง ฉบับที่ 43 ลงวันที่ 22 กุมภาพันธ์พ.ศ. 2537 ฟ้องของโจทก์ที่ขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามเจ้าพนักงานที่ดินออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์แก่จำเลยนั้น เป็นคำฟ้องที่ขอให้บังคับเจ้าพนักงานที่ดินให้กระทำการหรือไม่กระทำการ เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง เป็นจำเลยจึงขอให้บังคับเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145 วรรคสอง คำขอของโจทก์จึงไม่ชอบและไม่อาจบังคับได้ที่โจทก์ฎีกาว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท โจทก์จึงมีสิทธิคัดค้านการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลย และผลแห่งคำพิพากษาเป็นเรื่องเกี่ยวกับทรัพย์สิทธิย่อมผูกพันเจ้าพนักงานที่ดินในอันที่จะต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลในทำนองว่าสามารถใช้ยันแก่บุคคลภายนอกได้นั้น ก็หาใช่เป็นเรื่องบังคับให้เจ้าพนักงานที่ดินกระทำการหรือไม่กระทำการแต่อย่างใดไม่ ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1พิพากษายกฟ้องของโจทก์ในส่วนนี้จึงชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน