คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 800/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ภาระจำยอมจะสิ้นไปก็แต่เมื่อภารยทรัพย์หรือสามยทรัพย์สลายไปทั้งหมดหรือมิได้ใช้สิบปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1397,1399 และในลักษณะซื้อขายตาม มาตรา 480 ก็ยังบัญญัติว่า”ถ้าอสังหาริมทรัพย์ต้องแสดงว่าตกอยู่ในบังคับแห่งภาระจำยอมโดยกฎหมายไซร้ ท่านว่าผู้ขายไม่ต้องรับผิด เว้นแต่ผู้ขายจะได้รับรองไว้ในสัญญาว่าทรัพย์นั้นปลอดจากภาระจำยอมอย่างใดๆ ทั้งสิ้นหรือปลอดจากภาระจำยอมอันนั้น”
ตาม มาตรา 1299 หมายถึงแต่กรณีที่บุคคลได้มาโดยสุจริตซึ่งทรัพย์สิทธิอันเดียวกันกับสิทธิที่ยังไม่ได้จดทะเบียน ผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินซึ่งมีภาระจำยอมติดอยู่ หาได้สิทธิในภาระจำยอมไปด้วยแต่อย่างไรไม่ สำหรับที่ดินอันเป็นภารยทรัพย์นั้น ภาระจำยอมที่มีอยู่เป็นแต่การรอนสิทธิตาม มาตรา 480 เท่านั้น ผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินจะยกการรับโอนกรรมสิทธิ์โดยสุจริตขึ้นเป็นข้อต่อสู้เพื่อให้ภาระจำยอมที่มีอยู่ในที่ดินนั้นต้องสิ้นไปหาได้ไม่ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 7/2502)

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนด 1779 อำเภอบางกอกใหญ่ โจทก์และประชาชนในย่านนี้ใช้ที่ดินของผู้อื่นและของจำเลยโฉนดที่ 1773 ซึ่งอยู่ติดต่อกันเป็นทางเดินผ่านเข้าออกสู่ทางสาธารณะมา 40-50 ปีแล้ว เป็นภาระจำยอม จำเลยซื้อที่ดินโฉนดที่ 1773 โดยรู้ดีอยู่แล้วว่า ผู้อื่นใช้ทางเดินผ่านกว่า 10 ปี จำเลยล้อมรั้วปิดกั้นทางเสีย จึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยรื้อรั้วเปิดทางเดินตามเดิมให้แสดงว่าทางนี้เป็นภารจำยอมบังคับให้จำเลยจดทะเบียน

จำเลยต่อสู้ว่า ได้ซื้อที่ดินโดยไม่ปรากฏว่าทางเดินผ่านจำเลยได้จดทะเบียนซื้อที่ดินโดยสุจริต และชอบด้วยกฎหมาย

ศาลชั้นต้นฟังว่า ที่พิพาทมีภารจำยอม แต่โจทก์ยังไม่ได้จดทะเบียนสิทธิแห่งภารจำยอม โจทก์ไม่ได้นำสืบว่า จำเลยรับซื้อโดยไม่สุจริต พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ฟังว่า ทางพิพาทมิใช่ภารจำยอมทั้งไม่มีอะไรที่จะแสดงให้เห็นว่า จำเลยรู้ว่ามีทางภารจำยอมในที่ดินของจำเลยพิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาได้วินิจฉัยในที่ประชุมใหญ่ว่า ภารจำยอมนั้นหาสิ้นไปไม่ เพราะภารจำยอมจะสิ้นไป ก็แต่เมื่อภารยทรัพย์หรือสามยทรัพย์สลายไปทั้งหมด หรือมิได้ใช้สิบปีตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1397, 1399 ในลักษณะซื้อขาย ตามมาตรา 480 บัญญัติว่า “ถ้าอสังหาริมทรัพย์ต้องแสดงว่าตกอยู่ในบังคับแห่งภารจำยอมโดยกฎหมายไซร้ ท่านว่าผู้ขายไม่ต้องรับผิด เว้นแต่ผู้ขายจะได้รับรองไว้ในสัญญาว่า ทรัพย์สินนั้นปลอดจากภารจำยอมอย่างใด ๆ ทั้งสิ้นหรือปลอดจากภารจำยอมอันนั้น” ด้วยเหตุนี้ บทบัญญัติแห่งมาตรา 1299 จึงหมายความถึงแต่กรณีที่บุคคลได้มาโดยสุจริตซึ่งทรัพย์อันเดียวกัน กับสิทธิที่ยังไม่ได้จดทะเบียน สำหรับผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินหาได้สิทธิในภารจำยอมไปด้วยแต่อย่างใดไม่หากได้ไปแต่การรอนสิทธิ สำหรับที่ดินอันเป็นภารยทรัพย์นั้นภารจำยอมที่มีอยู่เป็นแต่การรอนสิทธิดังที่ระบุไว้ในมาตรา 480 เท่านั้น จำเลยจะยกการรับโอนกรรมสิทธิโดยสุจริตขึ้นเป็นข้อต่อสู้เพื่อให้ภารจำยอมที่มีอยู่ในที่ดินสิ้นไปหาได้ไม่ส่วนข้อเท็จจริงคงฟังได้ว่า ที่พิพาทตกอยู่ในภารจำยอม

พิพากษากลับศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ว่าที่ดินโฉนดที่ 1773ตกอยู่ในภารจำยอม ให้โจทก์และคนของโจทก์เดินผ่านและให้จำเลยจดทะเบียนภารจำยอมดังกล่าวนี้

Share