แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กะทงความผิดที่คู่ความมิได้ยกขึ้นอุธรน์ และแยกกันได้เด็ดขาดจากกะทงความผิดที่อุธรน์มานั้นย่อมถึงที่สุดเพียงสาลชั้นต้น สาลอุธรน์ไม่มีอำนาดพิจารานาพิพากสา
การที่จำเลยยิงปืน 2 นัดถูกผู้เสียหายคนหนึ่งตายอีก 2 คนบาดเจ็บหากไม่ปรากตว่าจำเลยได้แยกทำร้ายผู้เสียหายคนไดเปน 2 กัมแล้วถือว่าจำเลยทำผิดกะทงเดียว
พรึติการน์ถือว่าป้องกันเกินสมควนแก่เหตุ.
ย่อยาว
โจทฟ้องจำเลยรับสารภาพไนข้อหาว่าจำเลยไช้อาวุธซึ่งมิหยู่โดยมิได้รับอนุญาต พยายามค่าคนและค่าคนโดยเจตนา
สาลชั้นต้นเห็นว่า การที่จำเลยยิงปืน ๒ นัดถูกนายทอนตายและนายเหงี่ยมนายงั่วปาดเจ็บนั้นเปนความผิด ๒ กะทงคือถานค่าคนโดยเจตนาและพยายามค่าคน แต่จำเลยทำไปโดยถูกยั่วโทสะไห้ลงโทสจำเลยตามกดหมายอาญา ม. ๒๔๙, ๖๐, ๕๕. และปรับตาม พ.ร.บ. อาวุธปืน พ.ส. ๒๔๗๗
โจทจำเลยอุธรน์
สาลอุธรน์ พิพากสาแก้โดยฟังว่าจำเลยกะทำผิดกะทงเดียว และเปนการป้องกันเกินสมควนแก่เหตุ ส่วนข้อหาว่าจำเลยผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนนั้น โจทฟ้องแต่ว่าจำเลยไช้อาวุธปืน ลงโทสไม่ได้
โจทดีกา
สาลดีกาวินิฉัยดีกาของโจทดังนี้
๑. ที่สาลชั้นต้นลงโทสจำเลยถานผิดต่อ พ.ร.บ.อาวุธปืนนั้นคู่ความมิได้ยกขึ้นอุธรน์ และเปนกะทงความผิดที่แยกกันได้เด็ดขาดจากกะทงความผิดที่คู่ความอุธรน์ ความผิดไนกะทงนี้จึงถึงที่สุดเพียงสาลชั้นต้น สาลอุธรน์ ไม่มีอำนาดพิจารนาพิพากสา
๒. การทีจำเลยยิงปืน ๒ นัดถูกนายทอนตายและนายเหงี่ยมนายงั่วบาดเจ็บนั้น ไม่ปรากตว่าจำเลยได้แยกทำร้ายผู้เสียหายคนไดเปน ๒ กัมจึงถือว่าจำเลยทำผิดกะทงเดียว
๓. จำเลยถูกพวกผู้เสียหายทำร้ายก่อนโดยมิได้สมัคร์ไจเข้าวิวาทต่อสู้กับผู้ได เมื่อจำเลยกับนายแผ้วน้องชายจำเลยผละวิ่งหนีไปแล้วพวกผู้เสียหายยังวิ่งไปกลุ้มรุมฟันแทงนายแผ้วอีก ที่จำเลยไช้ปืนยิงจึงถือได้ว่าเปนการป้องกันชีวิตนายแผ้ว แต่จำเลยยิงถึง ๒ นัดเปนการเกินสมควนแก่เหตุไป จึงพิพากสาแก้สาลอุธรน์ในข้อหาถาน พ.ร.บ.อาวุธปืน เปนให้ลงโทสจำเลยตามสาลชั้นต้น นอกนั้นยืน.