คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7985/2538

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า ว. ทำสัญญาเช่าสถานที่พิพาทกับจำเลยแล้วต่อมาได้ทำสัญญาเช่าสถานที่พิพาทกับโจทก์อีก ว.อ้างว่าไม่สามารถหยั่งรู้ถึงสิทธิของเจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิให้เช่าที่แท้จริงได้จึงนำเงินค่าเช่าไปวางที่สำนักงานวางทรัพย์ภายใต้เงื่อนไขเพื่อชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ที่แท้จริงตามคำพิพากษาอันถึงที่สุด โจทก์ไปขอรับเงินที่ ว.วางไว้ แต่ไม่สามารถรับเงินได้ เพราะตกอยู่ในเงื่อนไขข้างต้นหากจำเลยมิได้ทำสัญญาให้ ว. เช่าสถานที่พิพาท โจทก์ก็จะได้รับชำระค่าเช่าจาก ว.โดยว. ไม่ต้องนำเงินไปวางที่สำนักงานวางทรัพย์ การที่โจทก์รับเงินไม่ได้เป็นผลโดยตรงอันเกิดจากการกระทำของจำเลย ตามข้ออ้างของโจทก์ดังกล่าว เหตุที่ทำให้โจทก์ไม่สามารถรับเงินที่วางไว้ได้เกิดจากเงื่อนไขที่ ว. กำหนดไว้ มิใช่เพราะจำเลยไปคัดค้านการขอรับเงินของโจทก์ จำเลยไม่ได้กระทำละเมิดหรือโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2534 จำเลยนำเอาพื้นที่อาคารโจทก์เนื้อที่ 2.67 ตารางเมตร ตามแผนผังท้ายฟ้องไปให้นางสาววีณา มาสิริ เช่ามีกำหนด 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2534 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2535 อัตราค่าเช่าเดือนละ19,000 บาท โดยจำเลยไม่มีอำนาจต่อมาโจทก์ทราบเรื่องจึงแจ้งให้นางสาววีณาทราบว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ จำเลยไม่มีสิทธิใด ๆ ที่จะให้เช่า ครั้นวันที่ 7 มีนาคม 2534นางสาววีณาจึงทำสัญญาเช่าสถานที่ดังกล่าวกับโจทก์มีกำหนด1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2534 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2535อัตราค่าเช่าเดือนละ 9,612 บาท และค่าบริการ 2,400 บาทรวมเป็นเงินเดือนละ 12,012 บาท แต่นางสาววีณาได้นำเงินค่าเช่าและค่าบริการไปวางที่สำนักงานวางทรัพย์กลาง กรมบังคับคดีภายใต้เงื่อนไขว่าเพื่อจ่ายให้แก่เจ้าหนี้ที่แท้จริงตามคำพิพากษาอันถึงที่สุด โจทก์ไปขอรับเงินที่วางเดือนละ 12,012 บาทแต่ไม่สามารถรับได้ เพราะตกอยู่ในเงื่อนไขดังกล่าว หากจำเลยมิได้ทำสัญญาให้นางสาววีณาเช่าซ้ำซ้อนกับโจทก์ นางสาววีณาก็จะชำระค่าเช่าให้โจทก์โดยตรง การที่โจทก์ไม่ได้รับเงินค่าเช่าจากสำนักงานวางทรัพย์กลางเป็นผลโดยตรงอันเกิดจากจำเลยไม่มีสิทธิให้เช่า การกระทำของจำเลยเป็นการสอดเข้าเกี่ยวข้องกับสถานที่เช่าของโจทก์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ทำให้โจทก์เสียหายขอให้พิพากษาว่าโจทก์เป็นเจ้าหนี้ที่แท้จริงของนางสาววีณาผู้เช่า มีสิทธิรับเงินที่นางสาววีณาวางไว้ต่อสำนักงานวางทรัพย์กลาง กรมบังคับคดี และที่จะวางต่อไปเป็นรายเดือนเดือนละ 12,012 บาท จำเลยไม่มีสิทธิให้บุคคลใดเช่าสถานที่เช่าตามฟ้อง ขอให้เพิกถอนสัญญาเช่าระหว่างนางสาววีณากับจำเลยห้ามจำเลยสอดเข้าเกี่ยวข้องหรือทำนิติกรรมสัญญาใด ๆ เกี่ยวกับอาคารของโจทก์ และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของเงินค่าเช่าและค่าบริการเดือนละ 12,012 บาทนับแต่วันที่นางสาววีณานำเงินไปวางต่อสำนักงานวางทรัพย์กลางตลอดไป จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าโจทก์เป็นเจ้าหนี้มีสิทธิรับเงินจากสำนักงานวางทรัพย์กลาง
จำเลยให้การว่า การที่นางสาววีณา มาสิริ ทำสัญญาเช่ากับโจทก์แล้วไม่ชำระค่าเช่าเป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับนางสาววีณาหาเกี่ยวกับจำเลยไม่ โจทก์ชอบที่จะฟ้องร้องเอาแก่นางสาววีณาโจทก์รู้อยู่แล้วว่านางสาววีณาทำสัญญาเช่ากับจำเลย และโจทก์เป็นผู้แนะนำให้สิทธิแก่นางสาววีณาในการจะชำระค่าเช่าให้แก่โจทก์โดยตรงหรือนำไปวางต่อสำนักงานวางทรัพย์กลางเมื่อนางสาววีณานำค่าเช่าไปวางต่อสำนักงานวางทรัพย์กลางก็เป็นไปตามคำแนะนำของโจทก์ หากโจทก์เสียหายก็เป็นผลโดยตรงจากการกระทำของโจทก์เอง สัญญาเช่าที่จำเลยทำกับนางสาววีณาเป็นเรื่องระหว่างจำเลยกับนางสาววีณาไม่เกี่ยวกับโจทก์โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องบังคับตามฟ้อง หากโจทก์เป็นผู้มีสิทธิให้เช่าและเป็นผู้ให้เช่าที่แท้จริงนางสาววีณา เมื่อนางสาววีณาไม่ชำระค่าเช่า โจทก์สามารถฟ้องร้องบังคับนางสาววีณาได้โดยตรงกรณีไม่ใช่เรื่องที่โจทก์จะมาใช้สิทธิทางศาลเพื่อขอให้ศาลแสดงสิทธิของโจทก์ เดิมโจทก์ให้นางสาวสิวภี สีบุญเรือง เช่าสถานที่พิพาทโดยมีข้อตกลงให้เช่าช่วงได้ ต่อมาในระหว่างสัญญาเช่านางสาวสุวภีได้ให้ผู้มีชื่อเช่าช่วงโดยมีข้อตกลงให้ผู้เช่าช่วงสามารถให้เช่าช่วงสืบต่อไปได้โดยโจทก์ตกลงยินยอมด้วย ซึ่งผู้เช่าช่วงก็ได้ให้เช่าช่วงต่อ ๆ กันมาจนถึงจำเลย ต่อมานางสาววีณาได้ทำสัญญาเช่าช่วงกับจำเลยโดยโจทก์ตกลงยินยอมด้วยโจทก์จึงไม่มีสิทธิให้นางสาววีณาเช่าอีก สัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับนางสาววีณาซ้ำซ้อนกับสัญญาเช่าระหว่างจำเลยกับนางสาววีณาซึ่งทำไว้ก่อนแล้ว จำเลยไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ และไม่ได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ตามคำฟ้องโจทก์และคำให้การจำเลยคดีพอวินิจฉัยได้ จึงให้งดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาข้อต่อไปโจทก์ฎีกาว่า จำเลยนำสถานที่พิพาทของโจทก์ไปให้นางสาววีณาเช่าโดยไม่มีสิทธิแม้ต่อมานางสาววีณาจะทำสัญญาเช่ากับโจทก์ แต่สัญญาเช่าที่จำเลยทำกับนางสาววีณายังไม่สิ้นระยะเวลาการเช่า และจำเลยได้เรียกให้นางสาววีณาชำระค่าเช่าแก่จำเลย ทำให้นางสาววีณาไม่สามารถหยั่งรู้ถึงสิทธิว่า ระหว่างโจทก์กับจำเลยผู้ใดเป็นเจ้าหนี้ผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าเช่า นางสาววีณาจึงมีสิทธินำเงินค่าเช่าไปวาง ณ สำนักงานวางทรัพย์กลางโดยกำหนดเงื่อนไขเพื่อชำระให้แก่โจทก์หรือจำเลยซึ่งเป็นเจ้าหนี้ที่แท้จริงตามคำพิพากษาอันถึงที่สุดได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 331และนางสาววีณาเป็นอันหลุดพ้นจากความรับผิด โจทก์จะว่ากล่าวแก่นางสาววีณาไม่ได้ จึงต้องว่ากล่าวแก่จำเลย เพราะมูลเหตุเกิดจากที่จำเลยนำสถานที่พิพาทของโจทก์ไปให้นางสาววีณาเช่าโดยไม่มีสิทธิ แม้การกระทำของจำเลยดังกล่าวจะไม่เป็นการขัดขวางในการที่โจทก์จะนำสถานที่พิพาทไปให้นางสาววีณาเช่าหรือขัดขวางมิให้บุคคลใดบุกรุกเข้าไปในสถานที่พิพาทตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ก็ตาม แต่ก็ถือได้ว่าเป็นการสอดเข้าเกี่ยวข้องกับสถานที่พิพาทของโจทก์โดยมิชอบด้วยกฎหมายอันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องนั้น เห็นว่า โจทก์ฟ้องโดยยกข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่า นางสาววีณาทำสัญญาเช่าสถานที่พิพาทกับจำเลย แล้วต่อมาได้ทำสัญญาเช่าสถานที่พิพาทกับโจทก์อีก นางสาววีณาอ้างว่าไม่สามารถหยั่งรู้ถึงสิทธิของเจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิให้เช่าที่แท้จริงได้จึงนำเงินค่าเช่าและค่าบริการไปวางที่สำนักงานวางทรัพย์กลางภายใต้เงื่อนไขเพื่อชำระให้แก่เจ้าหนี้ที่แท้จริงตามคำพิพากษาอันถึงที่สุด โจทก์ไปขอรับเงินที่นางสาววีณาวางไว้ดังกล่าวแต่ไม่สามารถรับเงินได้เพราะตกอยู่ในเงื่อนไขข้างต้น หากจำเลยมิได้ทำสัญญาให้นางสาววีณาเช่าสถานที่พิพาท โจทก์ก็จะได้รับชำระค่าเช่าและค่าบริการจากนางสาววีณา โดยนางสาววีณาไม่ต้องนำเงินไปวางที่สำนักงานวางทรัพย์กลาง การที่โจทก์รับเงินจากสำนักงานวางทรัพย์ไม่ได้เป็นผลโดยตรงอันเกิดจากการกระทำของจำเลย จะเห็นว่า ตามข้ออ้างของโจทก์ดังกล่าวเหตุที่ทำให้โจทก์ไม่สามารถรับเงินที่วางไว้ได้ เกิดจากการที่นางสาววีณาทำสัญญาเช่าสถานที่พิพาทกับโจทก์แล้วไม่ยอมชำระค่าเช่าและค่าบริการแก่โจทก์ กลับนำไปวางที่สำนักงานวางทรัพย์กลางโดยกำหนดเงื่อนไขเพื่อชำระให้แก่เจ้าหนี้ที่แท้จริงตามคำพิพากษาอันถึงที่สุด ซึ่งเป็นการกระทำของนางสาววีณาไม่ใช่การกระทำของจำเลย การที่โจทก์ไม่สามารถรับเงินได้เป็นเพราะเงื่อนไขที่นางสาววีณากำหนดไว้ มิใช่เพราะจำเลยไปคัดค้านการขอรับเงินของโจทก์แต่อย่างใด จำเลยไม่ได้กระทำละเมิดหรือโต้แย้งสิทธิของโจทก์อันเป็นเหตุให้โจทก์รับเงินจากสำนักงานวางทรัพย์กลางไม่ได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันให้ยกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share