แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทั้งสี่ซึ่งเป็นนายทะเบียนตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 ได้รับจดทะเบียนจัดตั้งสหภาพแรงงานกรีนไลน์ ซึ่งมี ส. กับพวก รวม 11 คน เป็นผู้ยื่นคำขอ โดยมีเอกสารประกอบคำขอครบถ้วน ทั้งผู้เริ่มก่อการยืนยันว่าเป็นลูกจ้างโจทก์โดยมีหนังสือสัญญาจ้างขนส่งน้ำมันระหว่างผู้เริ่มก่อการกับโจทก์ ต่อมาสหภาพแรงงานกรีนไลน์ได้จัดประชุมใหญ่สามัญครั้งแรกและยื่นขอจดทะเบียนกรรมการสหภาพและข้อบังคับสหภาพต่อสำนักงาน สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสมุทรปราการ จำเลยมีหนังสือสอบถามโจทก์ว่า ผู้ขอจดทะเบียนเป็นลูกจ้างของโจทก์จริงหรือไม่ โจทก์มีหนังสือตอบปฏิเสธ สหภาพแรงงานกรีนไลน์ได้ยื่นข้อเรียกร้องขอเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างแต่มิได้เจรจา เกิดเป็นข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้ตาม พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 23 คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์วินิจฉัยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับพนักงานขับรถขนส่งน้ำมันมีฐานะเป็นนายจ้าง ลูกจ้าง อันมีลักษณะเป็นสัญญาจ้างแรงงาน ดังนี้ เมื่อเกิดข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้ และคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ได้มีคำวินิจฉัยแล้ว โจทก์และสหภาพแรงงานกรีนไลน์ต่างมีสิทธิที่จะอุทธรณ์คำวินิจฉัยต่อรัฐมนตรีภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำวินิจฉัย กรณีที่มิได้อุทธรณ์ภายในกำหนด คำวินิจฉัยของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ดังกล่าวย่อมเป็นที่สุด ฝ่ายแจ้งข้อเรียกร้องและฝ่ายรับข้อเรียกร้องต้องปฏิบัติตาม ตามนัย พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 23 ดังนั้น เมื่อโจทก์มิได้ใช้สิทธิอุทธรณ์ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด คำวินิจฉัยของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ย่อมเป็นที่สุด ข้อเท็จจริงย่อมฟังเป็นยุติว่า นายสังเวียนกับพวกรวม 11 คน ที่ยื่นคำขอจดทะเบียนสหภาพแรงงานกรีนไลน์นั้นเป็นลูกจ้างโจทก์ การรับจดทะเบียนจัดตั้งสหภาพแรงงานกรีนไลน์ของจำเลยทั้งสี่จึงชอบด้วยกฎหมายแรงงานสัมพันธ์แล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งรับจดทะเบียนสหภาพแรงงานกรีนไลน์ของจำเลยทั้งสี่
จำเลยทั้งสี่ให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ศาลแรงงานกลางรับฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ประกอบกิจการขนส่งและขนถ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์น้ำมันและอื่น ๆ กรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์ได้มอบอำนาจให้นายณรงค์พลฟ้องคดีแทนโจทก์ ในการดำเนินกิจการโจทก์ได้ว่าจ้างพนักงานขับรถขนส่งน้ำมัน คิดค่าจ้างเป็นรายเที่ยวโดยกำหนดอัตราค่าจ้างขึ้นอยู่กับระยะทางที่ขนส่งตามสัญญาขนส่งน้ำมัน อัตราค่าจ้าง และคุณสมบัติสำหรับผู้รับจ้าง นายสังเวียนกับพวกรวม 11 คน ซึ่งเป็นผู้รับจ้างขนส่งน้ำมันให้แก่โจทก์ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนสหภาพแรงงานตาม พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 ต่อนายทะเบียนสำนักงานทะเบียนจังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2545 โดยมีเอกสารครบถ้วน จำเลยทั้งสี่ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ที่ได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่าถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด จึงได้รับจดทะเบียนเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2545 และออกใบสำคัญการจดทะเบียนสหภาพแรงงานให้ สหภาพแรงงานกรีนไลน์ได้จัดประชุมใหญ่สามัญครั้งแรกและยื่นขอจดทะเบียนกรรมการสหภาพและข้อบังคับสหภาพต่อสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสมุทรปราการ จำเลยจึงมีหนังสือสอบถามโจทก์ว่าผู้ขอจดทะเบียนเป็นลูกจ้างของโจทก์จริงหรือไม่ โจทก์มีหนังสือลงวันที่ 26 กันยายน 2545 ตอบจำเลยว่า ผู้ขอจดทะเบียนไม่ใช่ลูกจ้างของโจทก์ สหภาพแรงงานกรีนไลน์ได้ยื่นข้อเรียกร้องขอเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างแต่มิได้เจรจา เกิดเป็นข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้ตาม พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 23 พนักงานประนอมข้อพิพาทจึงเสนอให้คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์พิจารณา คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ วินิจฉัยว่าความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับพนักงานขับรถขนส่งน้ำมันมีฐานะเป็นนายจ้างกับลูกจ้าง ลักษณะงานที่ผู้รับจ้างปฏิบัติคืองานตามคำสั่งของนายจ้างอันเป็นสัญญาจ้างแรงงาน ผู้ยื่นคำร้องขอจดทะเบียนสหภาพแรงงานกรีนไลน์มีฐานะเป็นลูกจ้างของโจทก์ จำเลยทั้งสี่รับจดทะเบียนสหภาพแรงงานให้นั้นเป็นการปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด คำสั่งรับจดทะเบียนเป็นคำสั่งที่ชอบด้วย พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ข้อแรกว่า กรณีมีเหตุที่จะเพิกถอนคำสั่งรับจดทะเบียนสหภาพแรงงานกรีนไลน์ของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 หรือไม่ เห็นว่า เมื่อเกิดข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้และคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ได้มีคำวินิจฉัยแล้ว โจทก์และสหภาพแรงงานกรีนไลน์ต่างมีสิทธิที่จะอุทธรณ์คำวินิจฉัยต่อรัฐมนตรีภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำวินิจฉัย กรณีที่มิได้อุทธรณ์ภายในกำหนดคำวินิจฉัยของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ดังกล่าวย่อมเป็นที่สุด ฝ่ายแจ้งข้อเรียกร้องและฝ่ายรับข้อเรียกร้องต้องปฏิบัติตาม ตามนัย พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 23 ดังนั้น เมื่อโจทก์มิได้ใช้สิทธิอุทธรณ์ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดคำวินิจฉัยของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ย่อมเป็นที่สุด ข้อเท็จจริงต้องฟังเป็นยุติว่านายสังเวียนกับพวกรวม 11 คน เป็นลูกจ้างโจทก์ ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นด้วยในผล ส่วนอุทธรณ์ข้อที่ว่า จำเลยทั้งสี่รับจดทะเบียนจัดตั้งสหภาพแรงงานกรีนไลน์ของนายสังเวียนกับพวกรวม 11 คน โดยพิจารณาเพียงหลักฐานของผู้เริ่มก่อการเพียงฝ่ายเดียวโดยไม่สอบถามข้อเท็จจริงจากโจทก์ก่อน เมื่อจดทะเบียนแล้วจึงมาสอบถามข้อเท็จจริงจากโจทก์ในภายหลัง เป็นการปฏิบัติงานที่ข้ามขั้นตอนซึ่งเป็นการไม่ชอบด้วย พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 นั้น เห็นว่า ไม่ว่าการปฏิบัติงานของจำเลยทั้งสี่จะเป็นการปฏิบัติที่ไม่มีการพิจารณาหลักฐานของโจทก์ที่เกี่ยวกับการจดทะเบียนสหภาพแรงงานและข้ามขั้นตอนดังที่โจทก์อ้างหรือไม่ก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติแล้วว่า นายสังเวียนกับพวกรวม 11 คน ที่ยื่นคำขอจดทะเบียนสหภาพแรงงานกรีนไลน์นั้นเป็นลูกจ้างของโจทก์ การรับจดทะเบียนจัดตั้งสหภาพแรงงานกรีนไลน์ของจำเลยทั้งสี่จึงชอบด้วยกฎหมายแรงงานสัมพันธ์แล้ว
พิพากษายืน.