คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 797/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า วันเกิดเหตุคือคืนวันที่ 5-6 พ.ค. 91(ตรงกับวันแรม 11-12 ค่ำ เดือน 5) พยานโจทก์เบิกความว่าวันเกิดเหตุคือ คืนวันแรม13-14ค่ำเดือน5โจทก์จึงส่งคำให้การชั้นสอบสวนของนายนุ้ยพยานโจทก์เป็นพยานต่อศาล ซึ่งในชั้นสอบสวนนายนุ้ยเบิกความว่าเป็นวันที่ 5-6 พ.ค. 91 และจะขอสืบเจ้าพนักงานสอบสวนว่านายนุ้ยพยานโจทก์ได้ให้การไว้ดังนั้นจริง ดังนี้ศาลฎีกาเห็นพ้องกับศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานโจทก์ต่อไปและพิพากษายกฟ้องโจทก์เพราะถึงสืบไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะไม่เป็นหลักฐานคำพยานที่จะยืนยันได้ว่าคำเบิกความของพยานในศาลนั้นไม่ตรงกับความจริง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 5-6 พฤษภาคม 2491 (ตรงกับวันแรม 12 ค่ำ เดือน 5) เวลากลางคืน จำเลยได้ใช้ไม้ทำร้ายร่างกายนายนุ้ยบาดเจ็บ ขอให้ลงโทษ จำเลยปฏิเสธ ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ที่ระบุอ้างไว้เดิมหมด แล้วสั่งงดพยานโจทก์ที่ขออ้างเพิ่มเติม และพยานจำเลยเสีย และเห็นว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความต่างกับฟ้อง พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาและพิพากษาใหม่

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์สืบพยานไป 4 ปากแล้ว โจทก์แถลงขออ้างพนักงานสอบสวนอีกปากหนึ่ง เพราะนายนุ้ย นางนุ้ยประจักษ์พยานโจทก์เบิกความว่า วันเกิดเหตุ คือคืนวันแรม 13-14 ค่ำ เดือน 5 ซึ่งต่างกับฟ้องและคำให้การพยานชั้นสอบสวน โจทก์ส่งคำให้การชั้นสอบสวนของนายนุ้ยเป็นพยาน นายนุ้ยรับว่าได้ให้การชั้นสอบสวนถึงวันถูกทำร้ายไว้ด้วย ตามคำให้การชั้นสอบสวนว่า เกิดเหตุระหว่างคืนวันที่ 5-6 พฤษภาคม 2491 ศาลฎีกาเห็นว่า การที่พยานให้การชั้นศาลกับสอบสวน เป็นคนละอย่างต่างกัน เช่นนี้ คดีไม่มีหลักฐานคำพยานแน่ชัดว่าข้างไหนผิดแล้ว จะฟังว่าคำให้การชั้นศาลผิดนั้นไม่ถนัดศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์ จำเลยชอบแล้ว เพราะจะสืบไป ก็ไม่มีประโยชน์อะไร

พิพากษากลับศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share