คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 796/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คดียักยอกทรัพย์ที่ฟ้องต่อศาลแขวงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352,353 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ร่วมอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง โจทก์ร่วมอุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์ไม่รับอุทธรณ์ตามศาลชั้นต้น คำสั่งนี้เป็นที่สุดโจทก์ร่วมฎีกาไม่ได้

ย่อยาว

คดีของศาลแขวงมีข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352, 353ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์ร่วมอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งว่าเป็นอุทธรณ์ข้อเท็จจริงไม่รับอุทธรณ์ โจทก์ร่วมอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์สั่งว่าฟ้องอุทธรณ์ข้อ 1, 2 เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ชอบแล้ว อุทธรณ์ข้อ 3เป็นปัญหากฎหมาย ซึ่งไม่ได้บรรยายมาในฟ้อง จึงไม่ใช่ข้อที่ว่ากล่าวในศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ โจทก์ร่วมฎีกาขอให้รับอุทธรณ์ข้อ 3

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีนี้ศาลชั้นต้นคือศาลแขวงพระนครใต้ปฏิเสธไม่ยอมรับอุทธรณ์ของโจทก์ร่วม โจทก์ร่วมได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ร่วม ซึ่งเท่ากับเป็นคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้น คำสั่งของศาลอุทธรณ์จึงเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 198 ทวิ วรรคท้าย ซึ่งเพิ่มขึ้นโดยมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2517ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4 ซึ่งแก้ไขโดยมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2517โจทก์ร่วมจึงต้องห้ามมิให้ฎีกา”

พิพากษายกฎีกา

Share