คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 795/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่ออ่านฟ้องของโจทก์ประกอบกับเอกสารท้ายฟ้องฟ้องของโจทก์เป็นอันชัดแจ้งว่าเงินที่โจทก์เรียกร้องเป็นค่าใช้จ่ายในกิจการที่โจทก์ได้กระทำในฐานะผู้เริ่มก่อตั้งบริษัทจำเลยซึ่งที่ประชุมจัดตั้งบริษัทจำเลยได้ให้สัตยาบันแล้วหาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
สิทธิเรียกร้องเอาค่าที่ได้ออกเงินทดรองไป ซึ่งมีอายุความสองปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(8) นั้นหมายถึงค่าที่ผู้รับจ้างใช้การงานส่วนบุคคลได้ออกทดรองไปเกี่ยวกับงานที่จ้างเท่านั้น
สิทธิเรียกร้องอันเนื่องมาจากที่ประชุมตั้งบริษัทจำเลยให้สัตยาบันในค่าใช้จ่ายที่ผู้เริ่มก่อการได้ออกไปในการ ก่อตั้งบริษัทจำเลยซึ่งไม่เกี่ยวกับการจ้าง โจทก์ไม่มีฐานะเป็นผู้รับจ้างของบริษัทจำเลยจะนำอายุความมาตรา 165(8) มาใช้บังคับไม่ได้
เงินที่บริษัทจำเลยให้สัตยาบันหรืออนุมัติให้โจทก์ เป็นการใช้เพื่อทดแทนค่าใช้จ่ายที่โจทก์ต้องเสียไปในการก่อตั้งบริษัทจำเลย หาใช่เป็นการให้เปล่าหรือโดยเสน่หาไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เดิมนางเอื้อนจิตต์ ฉั่วประยูร กับพวก ตกลงให้โจทก์ติดต่อกับทางราชการเพื่อให้นางเอื้อนจิตต์กับพวกได้รับอนุญาตผลิตสุราเกาเหลียงในประเทศไทย โดยจะจ่ายเงินตอบแทนให้โจทก์ ๘๐๐,๐๐๐ บาทปรากฏตามสำเนาสัญญาจ้างหมายเลข ๑ ท้ายฟ้อง เมื่อทางการอนุญาตแล้วขอให้โจทก์เป็นผู้ดำเนินการจัดตั้งบริษัทจำกัดขึ้น เมื่อได้จดทะเบียนบริษัทนั้นแล้วจะพิจารณาให้สัตยาบันแก่กิจการที่ผู้เริ่มก่อการได้กระทำไป รวมทั้งให้เงินเป็นค่าใช้จ่าย ในการที่โจทก์เป็นผู้ดำเนินการจัดตั้งบริษัทได้สำเร็จและกิจการอื่น ๆ แก่โจทก์อีกส่วนหนึ่งเป็นเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท
โจทก์ได้ร่วมกับจำเลยที่ ๒ ทำการติดต่อดำเนินการเพื่อให้ได้รับอนุญาตตั้งโรงงานผลิตสุราเกาเหลียงในประเทศไทย จนสำนักนายกรัฐมนตรีอนุมัติให้นางเอื้อนจิตต์ตั้งโรงงานดังกล่าวได้ จากนั้นโจทก์ได้ดำเนินการจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิดำเนินการประชุมตั้งบริษัท แล้วนำไปจดทะเบียน โดยโจทก์เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท
ในการประชุมตั้งบริษัท ที่ประชุมลงมติเป็นเอกฉันท์ให้สัตยาบันจ่ายเงินให้โจทก์ ๑๐๐,๐๐๐ บาท ตามสำเนาเอกสารหมายเลข ๕ ท้ายฟ้องโจทก์เรียกร้องให้จำเลยใช้ จำเลยก็ไม่ใช้ จึงขอให้จำเลยชำระเงิน๑๐๐,๐๐๐ บาท กับดอกเบี้ยนับแต่วันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๐๗ ซึ่งเป็นวันจำเลยผิดนัดถึงวันฟ้องเป็นเงินอีก ๒๓,๕๘๓.๓๓ บาท กับให้ใช้ดอกเบี้ยในต้นเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท นับตั้งแต่วันถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเงินให้โจทก์เสร็จ
บริษัทจำเลยที่ ๑ ให้การว่า ในการประชุมตั้งบริษัทจำเลยที่ ๑เอกสารหมายเลข ๕ เป็นเท็จ ที่ประชุมมิได้พิจารณาตกลงเกี่ยวกับการให้เงินสมนาคุณแก่โจทก์ ๑๐๐,๐๐๐ บาท แต่อนุมัติให้เงินค่าใช้จ่ายไปทั้งสิ้น ๓๖๑,๖๕๕ บาท ซึ่งบริษัทจำเลยที่ ๑ ได้จ่ายเสร็จสิ้นไปแล้วฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ไม่บรรยายให้ชัดว่าเงินที่เรียกร้องเป็นค่าใช้จ่ายให้โจทก์ทดรองจ่ายไปหรือเป็นเงินสมณาคุณที่จำเลยได้ให้โดยเสน่หาหากเป็นค่าใช้จ่ายที่โจทก์ได้ทดรองไปก็ขาดอายุความแล้ว หากเป็นการสมนาคุณก็เป็นการให้โดยเสน่หามิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้อง จำเลยไม่ได้ผิดนัด
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า จำเลยที่ ๒ ไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว
วันชี้สองสถาน โจทก์ไม่ติดใจดำเนินคดีเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับจำเลยที่ ๒
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้บริษัทจำเลยที่ ๑ ชำระเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาทพร้อมกับดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปีตั้งแต่วันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๐๘ ซึ่งเป็นวันที่โจทก์ทวงถามตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๖ ไปจนกว่าจะชำระเงินให้โจทก์เสร็จ ให้บริษัทจำเลยที่ ๑ เสียค่าฤชาธรรมเนียมกับค่าทนายความ๑,๕๐๐ บาทแทนโจทก์ เฉพาะตัวจำเลยที่ ๒ แม้โจทก์ไม่ติดใจดำเนินคดีแต่โจทก์ก็มิได้ถอนฟ้อง ให้ยกฟ้องของโจทก์เสีย ค่าฤชาธรรมเนียมกับค่าทนายความเป็นพับ
บริษัทจำเลยที่ ๑ ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ และขอให้วินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมคดีขาดอายุความ ซึ่งศาลชั้นต้นยังมิได้วินิจฉัย
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความพิพากษายืน ให้บริษัทจำเลยใช้ค่าทนายความ ๑,๐๐๐ บาทแก่โจทก์
บริษัทจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องโจทก์มีใจความสำคัญว่าโจทก์เป็นผู้เริ่มก่อตั้งบริษัทจำเลยด้วยผู้หนึ่ง ในการประชุมตั้งบริษัท ที่ประชุมได้ลงมติให้สัตยาบันแก่กิจการที่โจทก์ได้กระทำไปและให้จ่ายเงินแก่โจทก์ ๑๐๐,๐๐๐ บาทตามสำเนารายงานการประชุมหมายเลข ๔ และสำเนาบัญชีรายละเอียดค่าใช้จ่ายหมายเลข ๕ ท้ายฟ้อง เอกสารหมาย จ.๖ ท้ายฟ้อง ข้อ ๖, ๔มีใจความว่า ที่ประชุมได้ให้สัตยาบันค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการตั้งบริษัทตามบัญชีรายละเอียดซึ่งได้ส่งให้ผู้ถือหุ้นดูแล้ว และเอกสารหมาย จ.๗ท้ายฟ้องรายการที่ ๑ ว่า สมนาคุณค่าใช้จ่ายแก่นายสงวน จรณะหุตเป็นเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท เมื่ออ่านฟ้องของโจทก์ประกอบกับเอกสารท้ายฟ้องดังกล่าว ฟ้องของโจทก์ก็เป็นอันชัดแจ้งว่าเงินที่โจทก์เรียกร้องเป็นค่าใช้จ่ายในกิจการที่โจทก์ได้กระทำในฐานะผู้เริ่มก่อตั้งบริษัทจำเลย ซึ่งที่ประชุมจัดตั้งบริษัทจำเลยได้ให้สัตยาบันแล้ว หาเป็นฟ้องเคลือบคลุมดังฎีกาของบริษัทจำเลยไม่
สิทธิเรียกร้องเอาค่าที่ได้ออกเงินทดรองไปซึ่งมีอายุความสองปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๕(๘) นั้น หมายถึงค่าที่ผู้รับจ้างใช้การงานส่วนบุคคล ได้ออกทดรองไปเกี่ยวกับหน้าที่รับจ้างเท่านั้น แต่สิทธิเรียกร้องของโจทก์เป็นสิทธิเรียกร้องอันเนื่องมาจากที่ประชุมตั้งบริษัทให้สัตยาบันในค่าใช้จ่ายที่ผู้เริ่มก่อการได้ออกไปในการก่อตั้งบริษัทจำเลย ซึ่งไม่เกี่ยวกับการจ้างแต่อย่างใด โจทก์ผู้เริ่มก่อการก็ไม่มีฐานะเป็นผู้รับจ้างของบริษัทจำเลย จะนำเอาอายุความตามบทมาตราดังกล่าวมาใช้บังคับไม่ได้
การที่ที่ประชุมตั้งบริษัทจำเลยให้สัตยาบันหรืออนุมัติให้ใช้เงินแก่โจทก์ตามจำนวนที่โจทก์ฟ้องนั้น เป็นการใช้เพื่อทดแทนค่าใช้จ่ายที่โจทก์ต้องเสียไปในการเริ่มก่อตั้งบริษัทจำเลยซึ่งผู้เริ่มก่อตั้งบริษัทมีสิทธิที่จะเรียกร้องเอามาจากบริษัทนั้นได้ ในเมื่อที่ประชุมตั้งบริษัทได้ให้สัตยาบันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๑๐๘(๒) แล้ว หาใช่เป็นการให้เปล่าหรือให้โดยเสน่หาไม่ จะนำมาตรา ๕๒๖ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้บังคับไม่ได้
พิพากษายืน ให้บริษัทจำเลยใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา ๑,๒๐๐ บาทแก่โจทก์ด้วย

Share