แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เหตุเกิดเมื่อรถเลี้ยวซ้ายเลยหัวโค้งไปแล้ว 10 เมตรเศษ แม้ไฟหน้ารถจำเลยจะดับ ถ้าจำเลยขับรถไม่เร็วเกินไปแล้วรถก็จะไม่ไถลไปทางขวาจนตกถนนและเกิดการกระทบกระแทกโดยแรง จำเลยมิได้แสดงว่าเหตุที่ไฟหน้ารถดับนั้น เป็นเพราะพฤติการณ์ที่จำเลยไม่ต้องรับผิดชอบโดยได้ใช้ความระมัดระวังอันควรคาดหมายได้แล้ว จำเลยจึงไม่มีทางอ้างเอาเหตุที่ไฟหน้ารถดับว่าเป็นเหตุสุดวิสัยได้
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายตั้งแต่วันฟ้องต่อไปเป็นรายเดือน เดือนละ 3,000 บาทไม่มีกำหนดเวลากี่เดือน และไม่มีกำหนดว่าจนกว่าจะชำระหนี้เสร็จเพราะมิใช่กรณีดอกเบี้ยค่าเช่า หรือค่าเสียหายระหว่างที่ยังค้างชำระหนี้อยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142(3, 4) การที่ศาลกำหนดค่าเสียหายให้จำเลยชำระเป็นจำนวนแน่นอน จำนวนหนึ่งสำหรับทดแทนความเสียหายของโจทก์ในอนาคตดังนี้จะเป็นการเกินคำขอหาได้ไม่ ส่วนที่ว่าโจทก์มิได้เสียค่าขึ้นศาลในคำขอเช่นนี้มาด้วยนั้น เห็นว่าคำขอให้ชำระค่าเสียหายในอนาคตดังที่โจทก์ขอมาเป็นรายเดือนนั้น โจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาล 50 บาทตามตาราง 1 ข้อ 4 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหากจากค่าขึ้นศาลในคำขออื่น ๆ ของโจทก์ โจทก์มิได้เสียค่าขึ้นศาลในส่วนนี้มาในศาลชั้นต้น แต่ก็มิใช่ว่าโจทก์ขัดขืนไม่ยอมเสียค่าฤชาธรรมเนียมอันจะเป็นเหตุให้ศาลไม่รับคำฟ้อง ข้อนี้จึงไม่เป็นข้อที่จำเลยจะอ้างขึ้นให้ศาลฎีกายกคำขอของโจทก์ในส่วนนี้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อตั๋วโดยสารรถยนต์ประจำทางจากบริษัท จำเลยที่ ๑ ไปจังหวัดสุพรรณบุรี โดยสารรถยนต์ซึ่งจำเลยที่ ๓ เป็นพนักงานขับรถ จำเลยที่ ๓ ขับรถเร็วมาก ด้วยความประมาทปราศจากความระวัง รถเสียหลักแฉลบตกลงไปข้างทาง โจทก์ได้รับบาดเจ็บ จำเลยที่ ๓ เป็นลูกจ้างจำเลยที่ ๒ ซึ่งนำรถคันนี้ของจำเลยที่ ๒ มาเดินร่วมกับจำเลยที่ ๑ ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินค่ารักษาพยาบาล ๓๐,๐๐๐ บา ค่าขาดประโยชน์ ๑๕,๐๐๐ บาท และต่อไปตั้งแต่วันฟ้องเดือนละ ๓,๐๐๐ บาท จนกว่าจะหายเป็นปกติ
จำเลย++++++
++++++++
++++++++
ชั้นต้น แต่ก็มิใช่ว่า โจทก์ขัดขืนไม่ยอมเสียค่าฤชาธรรมเนียมอันจะเป็นเหตุให้ศาลไม่รับคำฟ้องข้อนี้ไม่เป็นข้อที่จำเลยจะอ้างขึ้น ให้ศาลฎีกายกคำขอของโจทก์ในส่วนนี้
พิพากษายืน.