แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเคยถูกศาลลงโทษฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานห้ามมิให้บุกรุกเข้าไปทำนา+ที่สาธารณครั้งหนึ่งแล้ว +คดีนี้จำเลยบุกรุกเข้าไปอีกก่อนนี้ จะลงโทษจำเลยฐานขัดคำสั่งอีกมิได้ ประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.194,243 โจทก์อุทธรณ์ในข้อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์จะต้องฟังข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้น ในกรณีศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริง+ใหม่ ศาลฎีกาตัดสินเด็ดขาดไปได้ โดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ตัดสินใหม่
ย่อยาว
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ที่ขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา ๓๒๗ เพราะมาตรานี้มิได้มุ่งหมายจะลงโทษผู้บุกรุกที่สาธารณเช่นจำเลยนี้ และว่าเรื่องขัดคำสั่งนั้นศาลได้ปรับจำเลยไปครั้งหนึ่งแล้ว จึงให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ว่า ถึงแม้จำเลยจะเคยถูกปรับฐานขัดคำสั่งมาแล้วก็ตาม เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นอีก จำเลยก็ควรมีผิด
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า ที่พิพาทไม่ใช่ที่สาธารณ จำเลยจึงยังไม่มีผิด
ศาลฎีกาตัดสินว่า คดีนี้โจทก์อุทธรณ์คัดค้านในข้อกฎหมายอย่างเดียว ฉะนั้นตามประมวลวิธีพิจารณา ม.๑๙๔ ศาลอุทธรณ์จะต้องฟังข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้น จะวินิจฉัยข้อเท็จจริงใหม่มิได้ ส่วนปัญหาที่ว่าจำเลยเคยถูกลงโทษฐานขัดคำสั่งมาครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นอีกจะลงโทษจำเลยได้หรือไม่นั้น เห็นพ้องกับคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์