คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 793/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อยกเว้นความรับผิดของจำเลยที่ 3 ตามกรมธรรม์ประกันภัยข้อ 2.13.6 และข้อ 3.9.2 ระบุว่า การประกันภัยไม่คุ้มครองความรับผิดอันเกิดจากการขับขี่โดยบุคคลที่ไม่เคยได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์ใด ๆ หรือเคยได้รับแต่ขาดอายุเกินกว่า 180 วัน หรือเคยได้รับแต่ถูกตัดสิทธิตามกฎหมายในการขับรถยนต์ในเวลาเกิดเหตุดังนี้ เมื่อใบอนุญาตขับรถยนต์ของจำเลยที่ 1 ขาดต่ออายุเกินกว่า 180วัน ในเวลาเกิดเหตุ กรณีจึงต้องด้วยเงื่อนไขในข้อ 2.13.6 และ 3.9.2ที่การประกันภัยของจำเลยที่ 3 ไม่คุ้มครองถึงอุบัติเหตุที่เกิดจากการขับรถยนต์ของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ กรมธรรม์ประกันภัย ข้อ 2.14 ที่ระบุว่าบริษัทจะไม่ยกความไม่สมบูรณ์แห่งกรมธรรม์และอื่น ๆ เป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกเพื่อปฏิเสธความรับผิดตามข้อ 2.1 หรือ 2.2 นั้น ไม่อาจจะนำมาปรับเป็นข้อยกเว้นของข้อ 2.13.6 และ 3.9.2 ได้เพราะความไม่สมบูรณ์แห่งกรมธรรม์ไม่ใช่เป็นข้อยกเว้นแห่งความรับผิดตามข้อ 2.13.6 และ3.9.2 ข้อยกเว้นความรับผิดตามข้อ 2.13.6 และ 3.9.2 ดังกล่าวเป็นข้อยกเว้นความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัย ซึ่งมีผลเพียงทำให้จำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดเท่านั้น ไม่ทำให้กรมธรรม์ประกันภัยกลายเป็นไม่สมบูรณ์ไป จึงไม่อาจนำมาปรับกันได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 2 ไปในทางการที่จ้างหรือกิจการที่ได้รับมอบหมายของจำเลยที่ 2 ด้วยความประมาทชนโจทก์ขณะเดินข้ามถนน เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับบาดเจ็บต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลโจทก์คิดค่าสินไหมทดแทนรวมเป็นเงิน105,000 บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันละเมิดถึงวันฟ้อง เป็นเงิน 4,593 บาท และจำเลยที่ 3 เป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์ของจำเลยที่ 2 ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 109,593 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงิน 105,000 บาท นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสามให้การว่า โจทก์เป็นฝ่ายประมาทวิ่งตัดหน้ารถยนต์ที่จำเลยที่ 1 ขับ จำเลยที่ 3 ไม่ต้องรับผิดเพราะผู้ขับรถยนต์ผิดเงื่อนไขตามกรมธรรม์ประกันภัย ค่าเสียหายไม่มากตามฟ้องจำเลยที่ 2 ไม่ได้จ้างวานหรือใช้ให้จำเลยที่ 1 ขับรถ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามชำระเงิน 5,487.50 บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
โจทก์และจำเลยที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันชำระเงิน 28,000 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จและให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 7มกราคม 2525 เวลาประมาณ 22 นาฬิกา ขณะที่โจทก์เดินข้ามถนนกำแพงเพชร หน้าสวนจตุจักรได้ถูกรถยนต์หมายเลขทะเบียน 4จ.5015กรุงเทพมหานคร ชนได้รับบาดเจ็บจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของรถยนต์ดังกล่าว ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 เป็นคนขับรถยนต์คันนั้น จำเลยที่ 2ได้นำรถยนต์ของตนไปประกันภัยค้ำจุนไว้กับจำเลยที่ 3 ตาม กรมธรรม์ประกันภัยเอกสารหมาย ล.7 ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2ร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์จำนวน 28,000 บาท แต่จำเลยที่ 3 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามกรมธรรม์ประกันภัยเอกสารหมายล.7 ข้อ 3.9.2 คดีคงมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยที่ 3 ในฐานะผู้รับประกันภัยจะต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 28,000 บาท ให้แก่โจทก์หรือไม่ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ต่อไปตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยที่ 1 ผู้ขับรถยนต์คันเกิดเหตุมีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล แต่ใบอนุญาตสิ้นอายุเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2525 จนถึงวันเกิดเหตุจำเลยที่ 1ก็ยังไม่ได้ต่อใบอนุญาตขับขี่จนเกินกำหนด 180 วันแล้ว ตามกรมธรรม์ประกันภัยเอกสารหมาย ล.7 ข้อ 2.13.6 และ ข้อ 3.9.2 ได้กำหนดยกเว้นความรับผิดไว้ว่า การขับขี่โดยบุคคลที่ไม่เคยได้รับอนุญาตขับรถยนต์ใด ๆ หรือเคยได้รับแต่ขาดต่ออายุเกินกว่า 180 วัน หรือเคยได้รับแต่ถูกตัดสิทธิตามกฎหมายในการขับรถยนต์ในเวลาเกิดอุบัติเหตุ เมื่อใบอนุญาตขับขี่ของจำเลยที่ 1 ขาดต่ออายุลงเกินกว่า180 วันในเวลาเกิดเหตุ จึงต้องตามเงื่อนไขในข้อ 2.13.6 และ 3.9.2ที่การประกันภัยของจำเลยที่ 3 ไม่คุ้มครองถึงอุบัติเหตุที่เกิดจากการขับรถยนต์ของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ ส่วนกรมธรรม์ประกันภัย เอกสารหมาย ล.7ข้อ 2.14 ที่ระบุว่าบริษัทจะไม่ยกความไม่สมบูรณ์แห่งกรมธรรม์และอื่น ๆ เป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกเพื่อปฏิเสธความรับผิดตามข้อ2.1 หรือ 2.2 ตามที่โจทก์ยกขึ้นกล่าวอ้างในฎีกานั้น ไม่อาจจะนำมาปรับเป็นข้อยกเว้น ของข้อ 2.13.6 และ 3.9.2 ได้ เพราะความไม่สมบูรณ์แห่งกรมธรรม์ไม่ใช่เป็นข้อยกเว้นแห่งความรับผิดตามข้อ2.13.6 และ 3.9.2 ข้อ 2.13.6 และ 3.9.2 เป็นเงื่อนไขยกเว้นความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัย หากเข้าข้อยกเว้นตามข้อ 2.13.6และ 3.9.2 ก็เป็นเพียงทำให้จำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดเท่านั้นไม่ทำให้กรมธรรม์ประกันภัยกลายเป็นไม่สมบูรณ์ไปจึงไม่อาจนำมาปรับกันได้
พิพากษายืน

Share