คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 793/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องโจทก์ที่กล่าวว่า จำเลยทั้ง 3 บังอาจใช้กำลังกายและศาตราวุธทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน จำเลยที่ 1บาดเจ็บสาหัส จำเลยที่ 2 ไม่บาดเจ็บ จำเลยที่ 3 บาดเจ็บ ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254,256 ดังนี้เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะจำเลยคนใดย่อมไม่อาจเข้าใจว่า ต้องหาว่าทำร้ายจำเลยคนใดอย่างไร ถึงบาดเจ็บสาหัสหรือไม่และจะลงโทษตาม มาตรา 258 ก็ไม่ได้ เพราะโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องกล่าวว่า จำเลยทั้ง 3 บังอาจใช้กำลังกายและศาสตราวุธมีดดาบทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน จำเลยที่ 1 บาดเจ็บสาหัสจำเลยที่ 1 ไม่บาดเจ็บ จำเลยที่ 3 บาดเจ็บ โจทก์ถือว่า เป็นความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254, 256 ขอให้ลงโทษและริบมีดของกลาง จำเลยทั้ง 3 ปฏิเสธ ศาลชั้นต้นงดสืบพยานและเห็นว่าฟ้องโจทก์ไม่บรรยายให้ปรากฏว่าการกระทำของจำเลยแต่ละคนว่าใครทำใครบาดเจ็บหรือไม่บาดเจ็บอย่างไรเพียงไร จำเลยไม่อาจรู้ถึงการกระทำของตนที่ถูกกล่าวหาเป็นฟ้องเคลือบคลุม อนึ่งฟ้องเป็นทำนองวิวาททำร้ายกัน แต่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษตาม มาตรา 258 พิพากษายกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 161 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาว่า ฟ้องไม่เคลือบคลุม และกลับว่าแม้ไม่ให้โจทก์สืบ ก็ยังลงโทษตาม มาตรา 258 ได้

ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องโจทก์ว่าเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 254, 256 แต่มิได้ระบุว่าจำเลยคนใดกระทำแก่จำเลยคนใด ดังนี้จำเลยคนใดก็ย่อมไม่อาจเข้าใจว่า ตนต้องหาว่าได้กระทำอย่างไรให้จำเลยคนใดต้องบาดเจ็บหรือบาดเจ็บสาหัส และย่อมทราบไม่ได้ว่าตนถูกฟ้องให้ลงโทษตามกฎหมายอาญา มาตรา 254 หรือ 256 ฟ้องของโจทก์ไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)ส่วนที่ฎีกาว่ายังลงโทษจำเลยได้ตามกฎหมายอาญา มาตรา 258 นั้นข้อนี้โจทก์กล่าวอ้างในอุทธรณ์ว่า กรณีไม่ใช่วิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน จึงเป็นอันแจ้งว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษตาม มาตรา 258

พิพากษายืน

Share