คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 792/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์กู้ยืมเงินจำเลยไป แล้วมอบนาให้ทำกินต่างดอกเบี้ย จำเลยให้โจทก์ทำเป็นสัญญาขายนาพิพาทอำพรางไว้ให้แก่จำเลยเพื่อป้องกันมิให้เจ้าหนี้อื่นมายึดเอาที่นาพิพาทได้ สัญญาขายนาพิพาทใช้บังคับแก่คู่กรณีไม่ได้ตามมาตรา 118 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์.

ย่อยาว

คดีสองสำนวน ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกันมา เรียกนายแสง จอยนอก กับนางหอม จอยนอก ว่าโจทก์ นายผุย สอทา ว่าจำเลย โดยต่างเป็นโจทก์ฟ้องซึ่งกันและกัน
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองมีที่ดินร่วมกับนายพิศ บุตรอยู่ ๑ แปลง โจทก์ยืมเงินจำเลย ๖,๐๐๐ บาท และมอบนาให้จำเลยทำกินต่างดอกเบี้ย แต่โจทก์จำเลยตกลงกันทำเป็นสัญญาซื้อขายที่พิพาททั้งแปลง ในราคา ๒๐,๐๐๐ บาท เพื่อป้องกันมิให้เจ้าหนี้อื่นฟ้องบังคับโจทก์ จึงเป็นนิติกรรมอำพราง ต่อมาโจทก์ไปขอชำระหนี้ ๖,๐๐๐ บาท จำเลยไม่ยอมรับเงินและคืนนา ขอให้ศาลพิพากษาทำลายหนังสือสัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์จำเลย บังคับจำเลยรับชำระหนี้ ๖,๐๐๐ บาทและห้ามจำเลยกับบริวารเข้าเกี่ยวข้องในที่นาของโจทก์
จำเลยให้การและเป็นโจทก์ฟ้องอีกคดีหนึ่งสรุปใจความเป็นอย่างเดียวกันว่าโจทก์ตกลงทำสัญญาขายนาพิพาทให้จำเลย เป็นเงิน ๒๐,๐๐๐ บาท ไม่ใช่เรื่องกู้ยืมเงินหรือเป็นนิติกรรมอำพรางและมีข้อสัญญาว่าหากผู้ขายไม่ยอมขาย ยอมให้ผู้ซื้อเรียกเบี้ยปรับได้เป็นเงินอีก ๒๐,๐๐๐ บาท หากผู้ซื้อไม่ซื้อยอมให้ริบเงิน ๒๐,๐๐๐ บาทที่ชำระแก่ผู้ขายแล้ว ต่อมานายผุยโจทก์เรียกร้องให้จำเลยโอนนาพิพาท จำเลยไม่ยอมโอน ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้องและบังคับนายแสงนางหอมจำเลยจัดการโอนนาพิพาทให้ ถ้าไม่โอนขอให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาหรือให้คืนเงินพร้อมทั้งดอกเบี้ยรวมเป็นเงิน ๔๐,๐๐๐ บาท ห้ามมิให้เกี่ยวข้องในนาพิพาท
นายแสงนางหอมให้การทำนองเดียวกับฟ้องของตนว่าสัญญาซื้อขายเป็นนิติกรรมอำพราง นายผุยไม่มีสิทธิเรียกเบี้ยปรับและสัญญาซื้อขายเป็นโมฆะ เพราะไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ทั้งนายพิศเจ้าของร่วมไม่รู้เห็นด้วย ใช้บังคับไม่ได้
ศาลชั้นต้นเชื่อว่าโจทก์กู้เงินจำเลยแล้วมอบนาบางส่วนให้จำเลยทำต่างดอกเบี้ย แต่ทำเป็นสัญญาซื้อขายกันเป็นนิติกรรมอำพราง สัญญาซื้อขายใช้บังคับไม่ได้ พิพากษาให้นายผุยจำเลยคืนนาให้โจทก์ ห้ามมิให้เกี่ยวข้องกับนาพิพาท ให้ยกฟ้องคดีที่นายผุยเป็นโจทก์
นายผุยจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
นายผุยจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ได้กู้ยืมเงินจำเลยเอาไปใช้หนี้ ๖,๐๐๐ บาท และจำเลยให้โจทก์ทำเป็นสัญญาขายนาพิพาทอำพรางไว้เพื่อป้องกันมิให้เจ้าหนี้อื่นมายึดเอาที่นาพิพาทได้ ศาลฎีกาเห็นว่าสัญญาขายนาพิพาทใช้บังคับแก่คู่กรณีไม่ได้ตามมาตรา ๑๑๘ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
พิพากษายืน.

Share