แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กรณีชุลมุนต่อสู้กันระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปและมีบุคคลถึงตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 294 นั้น หมายถึงกรณีที่ไม่ทราบว่าผู้ใดหรือผู้ใดร่วมกันใครได้ทำร้ายผู้ตายถึงตาย ถ้าเป็นกรณีที่ฝ่ายหนึ่งกลุ้มรุมกันทำร้ายผู้ตายถึงตาย ฝ่ายนั้นต้องรับผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้ตายโดยเจตนา (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2504)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานสมคบกันฆ่าคนตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83 จำเลยทั้ง 3 ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยทั้ง 3 กับพวกกลุ้มรุมทำร้ายผู้ตายซึ่งถูกแทงตายแม้จำเลยบางคนเพียงชกต่อยก็ต้องรับผิดฐานสมคบกันฆ่าพิพากษาจำคุกจำเลยสำนวนแรกคนละ 7 ปี (ลดมาตราส่วนโทษและลดโทษ) จำเลยสำนวนหลัง 10 ปี
จำเลยทั้ง 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่านายวีระจำเลยผิดมาตรา 295 ให้จำคุก8 เดือน (ลดแล้ว) และให้ยกฟ้องนายบุญสืบจำเลย นอกนั้นยืน
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษนายวีระกับนายบุญสืบจำเลยฐานสมคบกันฆ่าผู้ตาย
นายนิ่นจำเลยฎีกาว่า ควรผิดเพียงมาตรา 294 ฐานชุลมุนต่อสู้กันมีคนตาย
ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยทั้ง 3 กับพวกอีก 2-3 คน พากันขึ้นไปบนสถานลีลาศ แสดงกิริยาพาลเกเรชกต่อยคนเฝ้าประตูและชักมีดออกมาเมื่อมีคนห้ามจำเลยกับพวกลงมาข้างล่างและท้าทายให้ลงมาสู้กันข้างล่าง ราว 5 นาทีต่อมาผู้ตายซึ่งมาฝึกลีลาศได้ทราบเรื่องจึงลงมาถามจำเลย กลับถูกจำเลยกับพวกรุมชกต่อยเอา และในขณะเดียวกันนายนิ่นจำเลยใช้มีดยาว 1 คืบแทงถูกหน้าท้องผู้ตายจนลำไส้ทะลุแสดงว่ามีเจตนาฆ่าผู้ตายโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า ไม่ใช่กรณีชุลมุนต่อสู้กันระหว่างบุคคล 3 คนขึ้นไปมีคนถึงตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 294 เพราะมาตรานี้หมายถึงกรณีที่ไม่ทราบว่าผู้ใดหรือผู้ใดร่วมกับใครได้ทำร้ายผู้ตายถึงตาย แต่เป็นกรณีที่จำเลยกับพวกกลุ้มรุมทำร้ายผู้ตาย ต้องถือว่าจำเลยทั้ง 3 ได้ร่วมกันทำผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา
พิพากษาแก้ ให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น