แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กรณีชุลมุนต่อสู้กันระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปและมีบุคคลถึงตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 244 นั้น หมายถึงกรณีที่ไม่ทราบว่าผู้ใดหรือผู้ใดร่วมกับใครได้ทำร้ายผู้ตายถึงตาย ถ้าเป็นกรณีที่ฝ่ายหนึ่งกลุ่มรุมกันทำร้ายผู้ตายถึงตาย ฝ่ายนั้นต้องรับผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้ตายโดยเจตนา
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 6/2504
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานสมคบกันฆ่าคนตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘,๘๓ จำเลยทั้ง ๓ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยทั้ง ๓ กับพวกกลุ้มรุมทำร้ายผู้ตายซึ่งถูกแทงตาย แม้จำเลยบางคนเพียงชกต่อยก็ต้องรับผิดฐานสมคบกันฆ่า พิพากษาจำคุกจำเลยสำนวนแรกคนละ ๗ ปี (ลดมาตราส่วนโทษและลดโทษจำเลยสำนวนหลัง ๑๐ ปี)
จำเลยทั้ง ๓ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่านายวีระจำเลยผิดมาตรา ๒๔๕ ให้จำคุก ๘ เดือน (ลดแล้ว) และให้ยกฟ้องนายบุญสืบจำเลย นอกนั้นยืน
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษนายวีระกับนายบุญสืบจำเลยฐานสมคบกันฆ่าผู้ตาย
นายนิ่นจำเลยฎีกาว่า ควรผิดเพียงมาตรา ๒๔๔ ฐานชุลมุนต่อสู้กันมีคนตาย
ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยทั้ง ๓ กับพวกอีก ๒-๓ คน พากันขึ้นไปบนสถานลีลาศ แสดงกิริยาพาลเกเรชกต่อยคนเฝ้าประตูและชักมีดออกมา เมื่อมีคนห้ามจำเลยกับพวกลงมาข้างล่างและท้ายทายให้ลงมาสู้กันข้างล่าง ราว ๕ นาทีต่อมา ผู้ตายซึ่งมาฝึกลีลาศได้ทราบเรื่องจึงลงมาถามจำเลย กลับถูกจำเลยกับพวกรุมชกต่อยเอา และในขณะเดียวกับนายนิ่นจำเลยใช้มีดยาว ๑ คืบ แทงถูกหน้าท้องผู้ตายจนลำไส้ทะลุ แสดงว่ามีเจตนาฆ่าผู้ตาย โดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า ไม่ใช่กรณีชุลมุนต่อสู้กันระหว่างบุคคล ๓ คนขึ้นไปมีคนถึงตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๔๔ เพราะมาตรานี้หมายถึงกรณีที่ไม่ทราบว่าผู้ใดหรือผู้ใดร่วมกับใครได้ทำร้ายผู้ตายถึงตาย แต่เป็นกรณีที่จำเลยกับพวกกลุ้มรุมทำร้ายผู้ตาย ต้องถือว่าจำเลยทั้ง ๓ ได้ร่วมกันทำผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา
พิพากษาแก้ ให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น